ส่วนใครที่อยากอ่านเป็นเนื้อหา หรือดู Live มาแล้วอยากทบทวนสรุปอีกรอบก็ที่นี่เลย
Step 1: กลยุทธ์การสื่อสาร.
ขั้นของการเตรียมพร้อมการสื่อสารขั้นต้นที่หลายๆ คนมองข้าม
.
ขั้นที่ต้องรู้จักตัวเอง มองเห็นคู่แข่ง และเข้าใจลูกค้า
.
ขั้นนี้จะถือเป็นขั้นแรกที่จำเป็นอย่างยิ่ง และอาจจะเป็นขั้นที่ใช้เวลานานกว่าขั้นอื่นๆ
.
เหตุเพราะต้องกลั่นเอาไอเดียหลักในการสื่อสารออกมาให้ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูล
.
ไอเดียที่สื่อออกไปแล้วโดนใจลูกค้า เป็นจุดแข็งของแบรนด์และคู่แข่งต้องไม่เคยสื่อสารแนวไอเดียเดียวกันนั้นมาก่อน
.
ซึ่งพอพูดถึงคำว่าข้อมูลแล้ว ก็หมายถึงการที่ต้องใช้เวลาและทรัพยากรให้ได้มาซึ่งข้อมูลเชิงลึกที่เป็นจริง (ไม่ได้มโนคิดเองเออเอง) และต้องมีปริมาณที่มากพอที่จะนำมาวิเคราะห์ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
.
หากทำขั้นนี้ได้อย่างดีแล้ว จะทำให้เราได้แก่นของการสื่อสาร ซึ่งจะนำพาให้เราสามารถได้มาซึ่ง Content ที่ดี แบบที่สามารถกลั่นออกมาเป็น Content ได้อย่างต่อเนื่อง (ไม่เกิดอาการตัน Content อีกต่อไป)
.
แต่อย่างที่บอก ขั้นนี้ SME ส่วนใหญ่มักจะมองข้ามไป เพราะเหตุผลด้านต้นทุน ทั้งในเชิงของเวลา และเชิงของตัวเงิน
.
นอกจากนั้นแล้วเรื่องของประสบการณ์ด้านการสื่อสารการตลาดดิจิทัลของ SME นั้นยังอาจไม่มากพอ
.
แต่เชื่อนินเถอะ การเริ่มต้นด้วยการวางแผนกลยุทธ์ เป็นการเนิ่มต้นที่แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จทั้งบนออนไลน์และออฟไลน์ต้องทำกัน
Step 2: การเตรียม Content.
ขั้นนี้ต่อเนื่องมาจากขั้นแรก ซึ่งหากทำขั้นแรกไว้ละเอียดเฉียบคมไว้มากเท่าไหร่ โอกาสที่จะทำให้เนื้อหาที่จะใช้สื่อสารนั้น จะออกมาง่าย เร็ว และดีมากขึ้นเท่านั้น
.
ไม่ว่าจะเป็น Content รูปแบบไหน ภาพ หรืิอวิดีโอ หรือ Content ในรูปแบบอื่นๆ ก็ต้องใช้แก่นของกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดที่มาจากการวิเคราะห์ความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าทั้งนั้น
.
จะเห็นว่า Brand SME ในช่วงระยะหลังมานี่ เริ่มให้ความสำคัญกับขั้นของการเตรียม Content มากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
.
แต่ก็ยังมีอีกหลายราย ที่เริ่มนำ Content มาใช้ แต่ก็กลับไม่ได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายอย่างดีนัก
.
ซึ่งเหตุผลหลักๆ ก็มาจากขาดความเข้าใจในแก่นของการสื่อสารของแบรนด์ที่มาจากขั้นของการเตรียมกลยุทธ์นั่นเอง
Step 3: Media.
ขั้นที่ใครหลายคนมักจะกระโดดเข้ามาเป็นขั้นแรกทันทีที่รู้ว่าจะต้องสื่อสารการตลาด
.
โดยมองเอาเครื่องมือทางการตลาดดิจิทัล เช่น Facebook, YouTube, IG ฯลฯ มาเป็นสิ่งนำทางการสื่อสารตั้งแต่แรกเลย
.
ยังดีที่บางคนพอเข้าใจว่าเครื่องมือแต่ละตัวทำงานอย่างไร หรือพฤติกรรมของผู้ใช้งานแต่ละแฟลตฟอร์มนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร ก็สามารถสร้างเนื้อหาออกมาได้อย่างดี ตรงใจผู้เสพสื่อ การจดจำแบรนด์ขึงเป็นผลสำฤทธิ์ และส่งผลต่อการได้มาซึ่งยอดขาย
.
แต่หลายคนไม่ได้ทำอย่างนั้น โดยพยายามเน้นเนื้อหาที่สร้างประโยชน์กับแบรนด์เป็นหลัก ขาดการมองความต้องการของลูกค้าไป
.
ทำให้แบรนด์ขาดการมีส่วนร่วม ส่งผลทำให้ไม่ประสบความสำเร็จบนโลกออนไลน์
.
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว จะเห็นเลยว่าหากเรามีการตั้งต้นการสื่อสารการตลาดที่ถูกวางโครงไว้เป็นขั้นตอน เชื่อนินเถอะว่าโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการขายบนโลกออนไลน์จะมีสูงแน่ๆ