เวลาเราเดินเข้าไปซื้อของในร้านค้าสะดวกซื้อทั้งหลาย สังเกตไหมครับว่าเครื่องดื่มชูกำลังเดี๋ยวนี้มีขายเต็มตู้เย็นใกล้จะ 10 ยี่ห้อแล้ว เรียกว่าตอนนี้ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังนั้นเดือดสุดๆ เพราะมีมูลค่าใหญ่โตถึงหมื่นล้านบาท
นี่แหละครับ ที่กำลังเป็นสนามรบของ 3 ยักษ์ใหญ่ ได้แก่ “เอ็ม-150” จากองค์กรร้อยปีอย่าง “โอสถสภา”, “คาราบาวแดง” จาก “คาราบาว กรุ๊ป” และ “กระทิงแดง” จาก “กลุ่มธุรกิจทีซีพี (TCP)”
.
ปีนี้การต่อสู้ของ 3 แบรนด์ยักษ์ใหญ่ได้แก่ “เอ็ม-150” จากองค์กรร้อยปีอย่าง “โอสถสภา”, “คาราบาวแดง” จาก “คาราบาว กรุ๊ป” และ “กระทิงแดง” จาก “กลุ่มธุรกิจทีซีพี (TCP)” ดุเดือดเลือดพล่านมากๆ เพราะคุณเสถียร เสถียรธรรมะ ซีอีโอคาราบาวประกาศเสียงดังฟังชัดว่าจะมี “บิ๊กเซอร์ไพรส์” เกิดขึ้น
คุณเสถียรบอกว่า “ปีนี้คาราบาวแดงจะเป็นเบอร์ 1 ในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังเป็นครั้งแรก หลังจากเราต่อสู้ ทำตลาดมายาวนานถึง 20 ปี” แต่การจะทำได้จริง นั้นคาราบาวแดงต้องมีส่วนแบ่งตลาดถึง 27-28% นะครับ จากตอนนี้ที่มีแค่ 25-26% เท่านั้น และนี่เป็นส่วนแบ่งแยกตามแบรนด์นะ ไม่ใช่ส่วนแบ่งทั้งหมดของบริษัทที่รวมทุกแบรนด์
.
แล้วกลยุทธ์สำคัญที่จะเป็น “จุดเปลี่ยน” ให้คาราบาวแดงชิงส่วนแบ่งตลาดได้คืออะไรล่ะ ก็คือการ “ตรึงราคาสินค้า” ไว้ที่ 10 บาทนั่นเอง คุณเสถียรยืนยันว่าตลอดทั้งปี 2567 ก็ไม่มีแผนปรับขึ้นราคาด้วยนะ เอาใจคนเงินน้อยเหมือนเดิม
.
ทางด้าน “โอสถสภา” เจ้าของแบรนด์ เอ็ม 150 ตอนนี้ยังครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 46.6% ณ สิ้นปี 2566 จากแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอเพียบ ทั้ง เอ็ม-150, โสมอินซัม, ลิโพวิตัน-ดี, ลิโพ-ไฟน์ และฉลามขาว
ล่าสุด “เอ็ม-150” แบรนด์เรือธงเห็นคู่แข่งปล่อยหมัดเด็ดแบบนี้ จะอยู่เฉยได้อย่างไรล่ะครับ ก็จัดหนักสองแคมเปญใหญ่ซะเลย
.
แคมเปญแรกคือ “ปลดหนี้ทุกวัน หมื่น แสน ล้าน” ช่วยคนไทยปลดหนี้ เพราะตอนนี้ “หนี้ครัวเรือนสูง” กันทั่วบ้านทั่วเมือง และใช้เทคนิค Offline to Online เชื่อมการตลาดแบบออฟไลน์กับออนไลน์ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคให้ครอบคลุมมากขึ้น
.
แคมเปญที่สองคือจัดแคมเปญ “ไม่มีลิมิตชีวิตโคตรซิ่ง” ใช้กลยุทธ์ Music Marketing ที่เป็นจุดแข็งของ “เอ็ม-150” พร้อมติดหูด้วยเพลง “เอ็มร้อยห้าสิบ สิบ สิบ สิบ สิบ สูตรน้ำผึ้ง 10 บาท” ย้ำราคา 10 บาทที่เป็น Magic Price ของเครื่องดื่มชูกำลังไปในตัว
.
แต่รู้มั้ยครับว่าปีที่ผ่านมา ต้นทุนเครื่องดื่มชูกำลังพุ่งสูงขึ้น ทำให้แบรนด์ใหญ่ “เอ็ม-150” และ “กระทิงแดง” ต้องขยับราคาขึ้นเป็น 12 บาท แถมเปลี่ยนจุดยืนไปเป็นเซ็กเมนต์พรีเมี่ยมด้วย แต่คนส่วนใหญ่ยังติดภาพราคา 10 บาทอยู่ ทำให้ส่วนแบ่งตลาดของบิ๊กแบรนด์หดลงไป
.
ขณะที่ “คาราบาวแดง” ยืนหยัดขาย 10 บาท เลยได้ส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น สุดท้ายทุกแบรนด์ก็ต้องกลับมาทำสินค้าราคา 10 บาทกันอีกครั้ง เพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนใช้แรงงานที่ต้องการพลังงานสูง แต่รายได้ไม่มาก
.
โอสถสภาส่ง เอ็ม-150 สูตรน้ำผึ้ง 10 บาท ออกมาเจาะตลาดแมส ควบคู่กับเซ็กเมนต์พรีเมียม ส่วนกระทิงแดงก็ไม่น้อยหน้า ส่งทั้งกระทิงแดงเอ็กซ์ตร้า ฝาแดง, กระทิงแดง ทีโอเปล็กซ์-แอล ทอรีน และ กระทิงแดงเอ็กซ์ตร้า ฝาดำ ราคา 10 บาทเหมือนกัน ส่งพลังถึงใจในราคาคุ้มๆ ดึงดูดลูกค้าสุดๆ
นอกจากกลยุทธ์ “ราคา” แล้ว ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังยังห้ำหั่นกันด้วยโปรโมชันแจกของรางวัลแบบจัดเต็มอีกด้วยนะครับ ทั้งทองคำ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ฯลฯ ทุ่มงบกันหลายล้านบาทเลยทีเดียว เรียกว่าคืนกำไรให้ผู้บริโภคกันสุดๆ แต่อีกมุมหนึ่งก็เป็นเกมชิงส่วนแบ่งตลาด ไม่ยอมให้คู่แข่งแย่งบัลลังก์แชมป์ไปง่ายๆ แน่นอน
ใครที่อ่านเรื่องนี้จบแล้ว คนที่เป็นสายดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง ลองบอกเราหน่อยสิว่าชอบยี่ห้อไหนที่สุด และเพราะอะไร? ราคามีผลต่อการตัดสินใจซื้อหรือไม่? แชร์ความคิดเห็นในคอมเมนต์กันหน่อย เพื่อให้เห็นมุมมองของผู้บริโภคที่แท้จริง