ธุรกิจในยุคนี้ ต้องมีความรู้และความเข้าใจในเรื่องของคอนเทนต์ และสามารถที่จะสร้างสรรค์คอนเทนต์ดี ๆ ออกมาได้อย่างต่อเนื่อง ลองสังเกตดูรอบ ๆ ตัวเราสิว่า แทบทุกแบรนด์และทุกธุรกิจแล้วในตอนนี้ ที่ใช้การทำคอนเทนต์เป็นตัวชูโรงในการทำการตลาด ถึงมันจะไม่ใช่ข้อบังคับอย่างเป็นทางการอะไรขนาดนั้น แต่เราจะรู้สึกอยู่ลึก ๆ ว่าเราถูกบังคับให้ต้องทำคอนเทนต์มาสู้ เพราะเดี๋ยวนี้การทำคอนเทนต์มันดูจะกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้ว ที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ แต่จะทำได้ดีไหมก็อีกเรื่องหนึ่ง
และที่น่าสนใจก็คือ แบรนด์ที่ทำคอนเทนต์ได้ดี มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมากกว่าแบรนด์ที่ไม่ได้ทำ เพราะแทบจะไม่ต้องใช้ ads เลย หรือถ้าจะใช้ก็คงเสียค่า ads ที่ถูกมาก เพราะคอนเทนต์ดีอยู่แล้ว ขอบอกเลยว่า สมัยนี้แบรนด์ไหนที่ไม่ได้ทำคอนเทนต์รอดยากจริง ๆ
.
วันนี้ นินจาการตลาดจะมาไกด์แนวทาง เพื่อจุดประกายความคิด หรือไอเดียบางอย่างในการคิดคอนเทนต์มาฝากกัน นั่นก็คือ “8 คอนเทนต์ยอดนิยม ที่คนไทยชอบชมและชอบแชร์มากที่สุด” ซึ่งต้องบอกก่อนว่า จริง ๆ แล้วประเภทของคอนเทนต์มีเยอะมากนะครับ ไม่ได้มีแค่ 8 ประเภทนี้เท่านั้น อันนี้เป็นเพียงตัวอย่างคอนเทนต์ที่ได้ทำการสำรวจมาแล้วว่า ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่คนไทย ซึ่งเราอาจจะไม่ต้องทำทุกประเภทก็ได้นะครับ เลือกทำเฉพาะอันที่คิดว่าเหมาะสมกับภาพลักษณ์หรือสไตล์ของแบรนด์เราดีกว่า หรืออาจจะเอาประเภทนั้น ผสมกับประเภทนี้ เพื่อให้เป็นตัวเรามากที่สุดก็ได้ (กดเพื่ออ่านต่อ)
อ่านต่อ
1. ดราม่า
.
เห็นกันได้อย่างเด่นชัดมาก ๆ ว่า สมัยนี้คนไทยส่วนใหญ่นิยมเสพเรื่องดราม่ามาก แต่ดราม่าในที่นี้ไม่ใช่แค่พวกดราม่าในกระแสสังคมเท่านั้น แต่รวมถึงเรื่องราวที่ซาบซึ้งกินใจด้วย
.
แต่อย่าเข้าใจผิดว่า เราต้องหยิบเอาเรื่อง ๆ นึงมาทำคอนเทนต์ แล้วพูดด้วยเรื่องดราม่าอย่างเดียวเท่านั้น แต่ควรพูดนำด้วยเรื่องดราม่า แล้วเชื่อมโยงกลับมาที่แบรนด์ สินค้า หรือบริการของเราให้ได้ ซึ่งความยากก็อยู่ตรงนี้แหละ ว่าจะเชื่อมโยงยังไงให้ดูไม่น่าเกลียด หรือดูฉวยโอกาสมากเกินไป เพราะบางเรื่องก็ค่อนข้างเป็นเรื่องที่เซนซิทีฟสำหรับบางคน
Photo: โฆษณาไทยประกันชีวิต
สำหรับเรื่องดราม่านั้น อาจจะนำเอาเรื่องที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนั้นมาปรับใช้ หรือจะสร้างขึ้นมาเองก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น ไทยประกันชีวิต ที่ส่วนใหญ่จะใช้เรื่องดราม่าเป็นหลักในการทำคลิปโฆษณา ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมา หรือใช้เค้าโครงจากเรื่องจริงมาทำ เป็นต้น ซึ่งทำให้คนอินตามได้ง่าย รวมไปถึงจดจำแบรนด์ได้ดีด้วย
2. เล่าเรื่องย้อนอดีต
.
อีกหนึ่งลักษณะนิสัยของคนไทยส่วนใหญ่ก็คือ ชอบคิดถึงเรื่องราวในอดีต หรือเรื่องราวที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งเราสามารถนำจุดนี้มาทำเป็นคอนเทนต์ได้ เช่น วันนี้ในอดีต ก็อาจจะเล่าว่าวันนี้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เกิดเหตุการณ์สำคัญอะไรขึ้น หรืออาจจะแชร์คอนเทนต์ที่เราเคยโพสต์ไปแล้ว มารีโพสต์อีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะคนจะรู้สึกมีส่วนร่วมหากเขาเกิดทันในยุคนั้น หรือได้รับรู้เหตุการณ์นั้น ๆ แบบเรียลไทม์ในอดีต มันจะมีความฟินซ่อนอยู่ เมื่อได้เห็นหรือพูดคุยถึงเรื่องราวที่ตัวเองเคยผ่านมา
.
ซึ่งถ้าเราจะนำมาปรับใช้ในการทำคอนเทนต์ของเรา ก็สามารถทำได้นะครับ แต่ความยากก็เหมือนเดิมคือ ต้องหาวิธีเชื่อมโยงเข้ากับสินค้า/ บริการของเราให้ได้ เช่น ถ้าคุณทำธุรกิจขายจักรยาน ก็อาจจะเลือกวันครบรอบของภาพยนตร์เรื่อง “จักรยานสีแดง” มาทำคอนเทนต์ย้อนอดีต แล้วตบท้ายว่าคุณมีจักรยานสีแดงขายก็ได้นะ คนดูก็จะได้เสพคอนเทนต์ที่หลากหลายและแปลกใหม่บ้าง ซึ่งก็ดูน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
Photo: Wikipedia
3. นำเสนอความน่ารัก
.
คอนเทนต์ประเภทนี้ยังคงได้รับความนิยมอยู่นะครับ เพราะลองสังเกตดูสิว่า บางเพจแค่ตั้งกล้องถ่ายสุนัข แมว หรือเด็ก ทิ้งไว้เฉย ๆ ก็ยังมีคนดูอยู่มากมาย เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนมีความน่ารัก ที่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ชมอยู่มากพอสมควร
Photo: Lookhwaiy Sathitiruk (Facebook)
4. ความสนุกสนาน/ ความตลกขบขัน
.
แน่นอนว่าใคร ๆ ก็ต้องชอบความสนุกสนานหรือตลกขบขันกันทั้งนั้น ยิ่งถ้านำมาทำเป็นคอนเทนต์ด้วยแล้ว บอกเลยว่าคนให้ความสนใจอยู่ไม่น้อยเลยล่ะ ไม่ว่าแบรนด์ของคุณจะเป็นอะไร แต่ถ้ามีคาแรกเตอร์ที่ดูสนุกสนาน มีความตลก ยิงมุกเก่ง ยังไงก็ขายได้ แถมยังช่วยให้จดจำแบรนด์ได้ง่ายด้วย ก็อย่างที่โบราณเขาว่าไว้ “คารมเป็นต่อ รูปหล่อเป็นรอง”
Photo: พี่เอ็ด7วิ (Facebook Page)
5. เรื่องที่แชร์มาจากคนใกล้ตัว/ คนรู้จัก
.
ตอนนี้แทบจะเป็นยุคทองของเหล่า blogger หรือ influencer ทั้งหลายเลยก็ว่าได้ แต่เชื่อเถอะว่าคนเขาเชื่อเรื่องราวจากบุคคลเหล่านี้จริง ๆ นะ เพราะพวกเขารู้สึกเหมือนได้ติดตามข่าวสารวงในจากคนที่น่าเชื่อถือ หรือรู้จริงในด้านนั้น ๆ ซึ่งคอนเทนต์ประเภทนี้ มีโอกาสได้ engagement สูงมาก
6. ความดิบเถื่อน
.
เคยดูคลิปบีบสิวกันบ้างไหมครับ ? คาดว่าเกือบทุกคนน่าจะเคยเห็นผ่านตากันมาบ้าง ซึ่งคลิปพวกนี้มันก็ไม่ได้น่าดูอะไรเท่าไหร่ ออกจะน่ากลัวซะด้วยซ้ำ แต่ทำไมเราถึงยังใจจดใจจ่อนั่งดูมัน จนบางทีก็ดูจนจบเลยด้วย เพราะเขาว่ากันว่า การดูคลิปอะไรแบบนี้เนี่ย มันให้ความรู้สึกเหมือนนั่งรถไฟเหาะเลยล่ะ มันจะมีความหวาดเสียว ลุ้น หรือบางทีก็รู้สึกสะใจเวลาที่สิวมันผุดออกมา ดูมีความซาดิสม์เบา ๆ แต่เชื่อไหมว่าคนชอบดูจริง ๆ นะ
.
ซึ่งคุณไม่ต้องทำคอนเทนต์บีบสิวนะครับ อันนี้เป็นเพียงตัวอย่างคอนเทนต์แนวดิบเถื่อนเฉย ๆ เพื่อให้เห็นพฤติกรรมของผู้บริโภคว่า พวกเขาชอบติดตามคอนเทนต์แนวนี้ก็เท่านั้น
7. ความรุนแรง/ อาชญากรรม/ อุบัติเหตุ
.
หัวข้ออาจจะฟังดูน่ากลัว แต่ก็อย่างที่ได้บอกไปว่า ไม่จำเป็นต้องนำไปใช้ทุกประเภทก็ได้นะครับ เอาที่เหมาะกับธุรกิจและคาแรกเตอร์ของเราดีที่สุด อันนี้เป็นเพียงคำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ได้ทราบกันว่า คอนเทนต์ประเภทเหล่านี้คนไทยเขานิยมดูกันมากก็เท่านั้นเอง
.
สำหรับคอนเทนต์ประเภทความรุนแรง อาชญากรรม หรืออุบัติเหตุต่าง ๆ เรามักจะเห็นอยู่ทุกวันจริง ๆ ก็เพราะว่าการนำเสนอเรื่องราวประเภทนี้มันได้เรตติ้งที่ดี สำนักข่าวส่วนใหญ่ก็เลยนิยมทำข่าวประเภทนี้กัน ซึ่งเราไม่ได้เชียร์ให้คุณทำ แค่อยากบอกเล่าว่าคนชอบติดตามคอนเทนต์รูปแบบนี้เฉย ๆ ยกตัวอย่างง่าย ๆ ที่คนนิยมติดตามรับชมเมื่อหลายปีก่อน ก็คือสกูปข่าว “ภาพกีฬามันส์ ๆ” ถึงมันจะดูรุนแรง แต่เราก็ชอบดูกัน เหมือนรู้สึกสนุกอยู่ลึก ๆ เวลาเห็นรถชนกันบ้าง ก็เป็นอะไรที่แปลกดี
Photo: https://www.thairath.co.th
8. เรื่องชาวบ้าน
.
เรื่องเผือกขอให้บอก ส่วนใหญ่สังคมเราไม่ค่อยพลาดกันอยู่แล้ว ติดตามกันอย่างกับซีรีส์ แต่ถ้าถามถึงการนำมาทำคอนเทนต์ ก็อาจจะยากสักหน่อย เพราะต้องอาศัยความเร็วด้วย แล้วก็ต้องชัวร์ว่าเชื่อมโยงเข้ากับสินค้า/ บริการของเราได้อย่างกลมกลืน ไม่งั้นเราจะดูเป็นแค่เพจสายเผือกขึ้นมาทันที
Photo: https://www.thairath.co.th