เวลาใช้ต้องเเกะสติกเกอร์สีทองออกไหม ? สบู่ Imperial Leather ที่ใคร ๆ ก็ต้องเคยเห็น หรือเคยใช้ เพราะมันโด่งดังเอามาก ๆ เเถมเวลาจะใช้ยังมีคำถามเต็มหัวไปหมด ว่า ทำไมสบู่ Imperial Leather ถึงต้องมีสติ๊กเกอร์สีทองแปะเอาไว้ตรงกลางเเบบนั้น เเล้วถึงเวลาที่ใช้จริง ๆ ต้องแกะสติ๊กเกอร์ออกหรือเปล่า ?
บอกมาเลยครับ ว่าคุณอยู่ทีมเเกะ หรือ ไม่เเกะ เเต่ผมไม่เคยเเกะเลย!!!
.
เเต่คำถามที่เกิดขึ้นกับสบู่นี้ยังไม่หมดนะครับ คุณเคยสงสัยไหมว่า ทำไมชื่อของสบู่ตัวนี้ ถึงต้องมีคำว่า Leather ซึ่งถ้าเเปลออกมาก็จะหมายถึง เครื่องหนัง หรือว่า ? Imperial Leather ผลิตทั้งสบู่เเละเครื่องหนัง !!
.
นี่เป็นคำถามที่หลายคนคาใจ เวลาที่พูดถึงสบู่ Imperial Leather เเบรนด์สบู่ที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี เเต่ไม่เคยรู้ถึงความเป็นมาที่เเท้จริงของมัน เเละในวันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังเองครับ ว่ามันมีที่มายังไง เเละคลายข้อคำถามที่ทุกคนคาใจให้หมด
ก่อนอื่นเรามารู้จัก สบู่ Imperial Leather กันก่อนครับ
คุณรู้หรือเปล่าว่าสบู่ Imperial Leather เป็นแบรนด์สบู่ที่มาจากอังกฤษเเถมยังเก่าแก่เอามาก ๆ อีกด้วย เเต่สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นคือ กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของ Imperial Leather สูตรคลาสสิก (สีแดง) นั้นถูกคิดค้นมากว่า 200 ปีเเล้ว โดยที่มาของกลิ่น มาจากขุนนางชาวรัสเซีย ที่หลงใหลในกลิ่นของหนังแบบเข้าเส้น
เเล้วขุนนาง หนัง สบู่ น้ำหอม มันมาเกี่ยวข้องกันได้อย่างไรละ ?
ลองย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ. 1768 ขุนนางชาวรัสเซีย ผู้ซึ่งหลงใหลในกลิ่นหอมของ หนังรัสเซีย ที่มีจุดเด่นคือการทา Birch Tar หรือยางไม้ที่มาจากต้น Birchจากนั้นเลยว่าจ้างให้ Bayley’s of Bond Street บริษัทน้ำหอมชื่อดังของอังกฤษ พัฒนาน้ำหอมที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Russia Leather ให้ จึงกลายเป็นที่มาของน้ำหอม Eau de Cologne Imperiale Russe
เเล้วจากน้ำหอม กลายมาเป็นสบู่ได้ยังไง ?
วันเวลาล่วงเลยมาจนถึงปี ค.ศ. 1870 คุณ Thomas Tomlinson Cussons พ่อค้าไวน์ชาวอังกฤษ ที่อยากจะผันตัวมาเป็นนักธุรกิจ เลยตัดสินใจซื้อกิจการจากนักเคมีคนหนึ่งเเละ ตั้งชื่อบริษัทว่า Cussons & Son ในช่วงแรก โรงงานของ Cussons & Son ทดลองผลิตหลายอย่างมาก ๆ ทั้งสบู่, ขวดแก้ว, ยาแก้ไอ และสินค้าอื่น ๆ อีกมากมาย จนตอนหลังได้หันมาผลิตแค่สบู่เพียงอย่างเดียว
.
โดยจุดเปลี่ยนสำคัญของ Cussons & Son คือ ตอนที่ตัดสินใจซื้อกิจการของ Bayley’s of Bond Street บริษัทน้ำหอมชื่อดังของอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1921
ทำให้ Cussons Sons ได้สูตรหัวน้ำหอมมามากมาย ที่ไม่เพียงมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ยังทรงคุณค่า เเละมีหลายกลิ่นที่มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรด้วยลายมือมานับร้อยปี หนึ่งในนั้นคือ กลิ่น Eau de Cologne Imperiale Russe
.
ซึ่งทาง Cussons Sons ไม่ได้เลือกมาผลิตเป็นสบู่ทันที
แต่ผู้ที่จุดประกายไอเดียว่าอยากนำสูตรน้ำหอมดังกล่าว มาใช้ทำเป็นสบู่ คือ คุณ Marjorie Goodwin ซึ่งเป็นลูกสาวของเจ้าของบริษัท Cussons Sons ซึ่งเธอชื่นชอบน้ำหอมกลิ่น Eau de Cologne Imperiale Russe จึงคิดว่าน่าจะมาทำเป็นสบู่
แล้ว สบู่ Imperial Leather มีมาตั้งแต่ตอนไหน
สบู่ก้อน Imperial Leather จึงถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1930 และทำให้เธอได้รับการขนานนามว่า “The Mother of Imperial Leather” หรือแม่ของ Imperial Leather นั่นเองครับ
.
นอกจากกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ ที่มาจากสูตรน้ำหอมเเล้ว ยังมีอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของ Imperial Leather คือ สติกเกอร์สีทอง ที่แปะอยู่ตรงกลางสบู่สีเนื้อ ที่เราหลายคนสงสัยกันมาโดยตลอด เเต่แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ต้องการเพิ่มความหรูหรา หรือทำเพื่อสร้างซิกเนเจอร์ให้กับแบรนด์เท่านั้น แต่มันเป็นวิธีที่ช่วยให้สบู่ละลายช้าลง
เพราะสติกเกอร์ที่ว่านี้ นอกจากจะช่วยลดผิวสัมผัสระหว่างสบู่กับที่วางสบู่เเล้ว ยังช่วยค้ำให้สบู่ทรงตัว ไม่ไหลลื่นไปมา ช่วยลดการเสียดสี ทำให้เนื้อสบู่ละลายช้าลง และใช้ได้นานขึ้นกว่าสบู่รูปทรงอื่น ๆ ดังนั้น เทคนิคเวลาใช้ ก้คือ ต้องวางคว่ำด้านที่มีสติกเกอร์ลง
.
เเละเจ้าสติ๊กเกอร์สีทองตัวนี้ไม่ใช่ว่า พึ่งจะมาแปะนะครับ มันมีมาตั้งเเต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เเล้ว ด้วยกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ บวกกับจุดเด่นของสินค้า ทำให้ Imperial Leather กลายเป็นที่นิยมในไม่ช้า เเละขยายไปวางขายในหลาย ๆ ประเทศ
.
จนตอนหลังคุณ Paterson Zochonis เห็นถึงความเจ๋ง ความมีศักยภาพ เลยเข้ามาซื้อกิจการไปในปี ค.ศ. 1975 เเละเปลี่ยนชื่อเป็น PZ Cussons
แล้ว สบู่ Imperial Leather มีความนิยมมากแค่ไหน
ปัจจุบัน Imperial Leather ยังเป็นหนึ่งแบรนด์ที่ได้รับความนิยมภายใต้อาณาจักร PZ Cussons ซึ่งมีแบรนด์ที่ครอบคลุมตั้งแต่สบู่, ผลิตภัณฑ์ดูแลผม, ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว, อาหารเด็ก, โยเกิร์ต และอีกมากมาย
ตัว Imperial Leather เอง ก็ไม่ได้มีแค่สบู่ก้อน แต่ยังมีการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ไปเป็นครีมอาบน้ำ, โลชันทาผิว และเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคนอกจากสูตรออริจินัล ที่เป็นกลิ่นคลาสสิก เพื่อก้าวตามเทรนด์ของผู้บริโภค ตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
.
ถึงแม้สบู่ จะเป็นของสามัญประจำบ้าน โดยเฉพาะเมืองร้อนอย่างประเทศไทย แต่ตลาดของสบู่ก็ไม่ต่างจาก Red Ocean ที่ไม่ได้มีแค่แบรนด์สบู่ด้วยกันที่เป็นคู่แข่ง แต่ยังมีแบรนด์เครื่องหอมตลอดจนแบรนด์ความงาม ต่างก็เห็นโอกาสและหวังที่จะลงมาจับจองตลาดนี้เช่นกัน ซึ่งก็ต้องจับตาดูว่า แบรนด์สบู่ในตำนานจะปรับตัวอย่างไร เพื่อครองตลาดและครองใจผู้ใช้ ให้ได้เหมือนที่ทำมาเป็นร้อยปี