ถ้าพูดถึงชาบูก็คงไม่มีใครไม่รู้จัก Mo-Mo-Paradise ร้านชาบูพรีเมี่ยมจากประเทศญี่ปุ่น ที่เขาดังเอามาก ๆ เรื่องไอศกรีมโมโมและสูตรวิธีผสมน้ำจิ้มลับ ๆ ที่ไม่เหมือนใคร
เเล้วทุกคนรู้หรือเปล่าครับว่า Mo-Mo-Paradise ชาบูจากญี่ปุ่นเนี่ย เข้าประเทศไทยมาได้อย่างไร ?
Mo-Mo-Paradise มีในไทยครั้งแรกเมื่อไหร่ ?
Mo-Mo-Paradise เกิดขึ้นในญี่ปุ่น ในปี พ.ศ.2536 โดยสาขาเเรกอยู่ที่ คาบูกิโช-ชินจูกุ กรุงโตเกียว เเต่สำหรับในประเทศไทย ผู้ที่นำแฟรนไชส์ร้านนี้เข้ามาเปิด คือ คุณสุรเวช เตลาน เเต่กว่าที่จะเจรจาต่อรองขอซื้อแฟรนไชส์มาได้ ถือว่าไม่ง่ายเลยครับ
.
ตอนนั้นคุณสุรเวช เองไดด้มีโอกาสไปทาน Mo-Mo-Paradise ที่ประเทศญี่ปุ่น เเล้วติดใจในรสชาติ จึงอยากนำมาเปิดสาขาในไทย เเต่ตัวเจ้าของแบรนด์เองก็ไม่เคยขายแฟรนไชส์ให้กับคนแปลกหน้ามาก่อน ปกติเขาจะขายให้เเต่เครือญาติเท่านั้น
.
ตัวคุณสุรเวชเอง ก็ต้องเเสดงความพยายามเเละความตั้งใจนี้ให้เจ้าเเบรนด์เห็น ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่า 9 เดือน ถึงจะเอาชนะใจเจ้าของเเบรนด์ได้
.
หลังจากนั้น Mo-Mo-Paradise ก็ได้เปิดตัวสาขาแรกในไทยเมื่อปี พ.ศ. 2550 ผ่านการดำเนินธุรกิจมานานถึง 13 ปี ปัจจุบันตอนนี้มีถึง 19 สาขา
Mo-Mo-Paradise เปิดมาถึง 13 ปี จะมียอดขายสูงขนาดไหนกันนะ ?
.
ผลประกอบการ บริษัท โนเบิล เรสเตอท์รองต์ จำกัด
เจ้าของแฟรนไชส์ Mo-Mo-Paradise ในประเทศไทย
ปี 2560 รายได้ 400 ล้านบาท กำไร 10 ล้านบาท
ปี 2561 รายได้ 530 ล้านบาท กำไร 26 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 764 ล้านบาท กำไร 50 ล้านบาท
.
ซึ่งเราก็คงเห็นเเล้วว่ายิ่งนับวัน ฐานลูกค้าของ Mo-Mo-Paradise ก็ยิ่งเเน่นเเฟ้นเเละเพิ่มมากขึ้น
.
ส่วนหนึ่งมันก็มาจาก มุมมองการทำธุรกิจของ คุณสุรเวช ที่ยึดมั่นใน “คุณภาพ” อย่างเสมอต้นเสมอปลาย
และ “คุณภาพ” นี้ ก็ยังเป็นหัวใจของ Mo-Mo-Paradise อีกด้วย
คุณภาพด้านอาหาร
Credit image : www.mo-mo-paradiseth.com
คุณสุรเวช ไม่เคยลดต้นทุนวัตถุดิบ มีแต่จะเพิ่มสิ่งดีๆ ให้กับลูกค้า เช่น เนื้อวัว จากเดิมใช้เนื้อวัวธรรมดา ก็เพิ่มเป็นเนื้อโคขุนออสเตรเลีย หรือ เนื้อหมูที่เคยใช้แบบธรรมดา ก็เปลี่ยนเป็นหมูคุโรบูตะ ซึ่งแม้ว่าจะทำให้ราคาสูงขึ้น แต่ก็ทำให้รสชาติอาหารอร่อยขึ้นมากเช่นกัน
.
ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ แม้ว่าต้นทุนจะสูงขึ้น แต่ตลอด 13 ปีที่ผ่านมา ทางร้านปรับราคาเพียงครั้งเดียวเท่านั้นครับ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 10% ซึ่งวิธีแก้ปัญหาของคุณสุรเวช คือ การบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบ แทนการผลักภาระไปให้ฝั่งลูกค้า เช่น ผักปวยเล้ง มีราคาสูง ถ้าจัดเก็บไม่ดี จะทำให้ปลายของผักเหี่ยว ทางร้านจึงเกิดความคิดที่จะตัดผักชนิดนี้ออกจากเมนูดีหรือไม่ ?
.
เเต่สุดท้ายตัดสินใจไม่เอาออกเพราะลูกค้าชอบ แต่ทางร้านได้หันมาเน้นเรื่องการทำระบบและบริหารจัดการ เพื่อควบคุมการสูญเสียและได้ของที่มีคุณภาพมากขึ้น
คุณภาพด้านการบริการ
Credit image : www.mo-mo-paradiseth.com
คุณสุรเวช ยังให้ความสำคัญกับเรื่องการบริการเป็นอย่างมาก โดยเขามักบอกกับทีมงานเสมอว่า ร้านอาหารไม่ได้ขายอาหารเพียงอย่างเดียว แต่เราขายการบริการด้วย ลูกค้าจ่ายเงินเท่าไร เราต้องบริการให้ดีที่สุด ให้เกินความคาดหมายของเขา นี่ถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดีมาก ๆ เลยละครับ
คุณภาพด้านทำเล
Credit image : www.mo-mo-paradiseth.com
ถ้าสังเกตดูดีๆ จะพบว่า Mo-Mo-Paradise จะเน้นการขยายสาขาภายในห้างสรรพสินค้าเป็นหลัก
เพราะคุณสุรเวช มองว่า ในห้างสรรพสินค้า สามารถรองรับที่จอดรถของลูกค้าได้ เป็นการอำนวยความสะดวกอย่างหนึ่งให้กับลูกค้า
.
ที่สำคัญยังมีการคำนึงถึงความพร้อมของทีมงานเป็นหลัก โดยจะต้องสร้างคนที่เป็นตัวแทนผู้บริหารให้ได้ก่อน ถึงกล้าที่จะตัดสินใจขยายสาขา
สรุปแล้วนะครับ หลักสำคัญในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จของ คุณสุรเวช ก็คือ คุณภาพอาหาร คุณภาพการบริการ และ คุณภาพทำเล เท่านี้เองครับ
เเต่ในทุกวันนี้มีร้านชาบูเปิดขึ้นมากมาย สิ่งสำคัญที่ทำให้ร้านอยู่รอดได้ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงขนาดนี้คืออะไร ?
คุณสรุเวช บอกไว้ว่า เขาโฟกัสที่ตัวเองเป็นหลัก ไม่เคยคิดว่าร้านอื่นๆ เป็นคู่แข่งเลย แต่เขากลับมองว่าร้านอาหารต้องแข่งกับตัวเอง ต้องมีจุดยืนที่แน่วแน่ อย่างร้าน Mo-Mo-Paradise เน้นความเป็นชาบูญี่ปุ่นแท้ๆ เน้นคุณภาพเป็นหลัก ไม่เน้นอาหารที่หลากหลาย เเละก็ยึดมั่นในทางนี้ไม่เคยเปลี่ยน แม้ร้านอื่นๆ จะเพิ่มเมนูต่างๆ ให้ลูกค้า ทั้งซูชิ หรืออาหารอื่นๆ เเต่ Mo-Mo-Paradise ก็ไม่เคยตามกระแส แต่ชัดเจนในความเป็นตัวเอง เพราะสุดท้าย ลูกค้าเขาเป็นคนตัดสินเองว่าร้านนี้ดีหรือไม่ดี เขาพึงพอใจกับรสชาติอาหาร มีความสุขกับการเข้ามานั่งในร้านหรือเปล่า
เเละทั้งหมดนี่นะครับ ก็คือหัวใจหลักที่ทำให้ Mo-Mo-Paradise ประสบความสำเร็จเเละครองใจลูกค้ามาได้อย่างยาวนาน เเละมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยอย่างต่อเนื่อง เเละถ้าทุกร้านใส่ใจคุณภาพในทุก ๆ ด้านให้ดีอย่างเสมอต้นเสมอปลาย รับรองว่าทุกคนคงอยากออกมาทานข้าวนอกบ้านมากยิ่งขึ้น ลูกค้าเยอะขึ้น ตลาดก็เติบโตขึ้น เห็นไหมครับว่ามีเเต่ได้กับได้ ได้ด้วยกันทุกฝ่าย