นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักแพลตฟอร์มยอดนิยมของคนทำงานกราฟิกอย่าง Freepik
แพลตฟอร์มที่ครอบคลุมและพร้อมให้คุณได้เข้ามาดาวน์โหลดรูปภาพต่าง ๆ มากมายไปใช้ มีหลากหลายแนวเกินกว่าจะนับไหว จนทำให้ในปัจจุบันมีผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม Freepik มากมาย โดยในหนึ่งปีมีผู้เข้าใช้งานแพลตฟอร์ม Freepik ถึง 1,000 ล้านครั้งเลยเดียว
แล้วเรื่องราวของบริษัท Freepik นั้นเป็นมายังไง? ทำไมถึงได้กลายมาเป็นคลังแสงรูปภาพที่มีรายได้หลักพันล้าน ? วันนี้นินจาการตลาดจะมา #สรุปให้ในโพสต์เดียว
1. สำหรับใครที่ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับ Freepik นะครับ จะบอกให้ว่า Freepik นั้นเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมของเหล่าคนทำงานด้านกราฟิก เอาไว้สำหรับดาวน์โหลดรูปต่าง ๆ มาใช้ ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ, ไอคอน, แบคกราวด์, หรือจะเป็นรูปแนว Vector ก็มีนะครับ
2. นอกจาก Freepik จะให้คนเข้ามาดาวน์โหลดรูปภาพได้แล้ว Freepik ยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถนำรูปภาพของตัวเองมาอัปโหลดและขายใน Freepik ได้อีกด้วย
3. โดยแพลตฟอร์ม Freepik นั้นถูกก่อตั้งในปี 2010 ที่มาลากา ประเทศสเปน ก่อตั้งโดยคุณ Joaquín Cuenca และสองพี่น้อง Alejandro กับ Pablo Blanes แต่ก่อนหน้าที่พวกเขาจะมาก่อตั้ง Freepik พวกเขาเคยก่อตั้ง Panoramio มาก่อน ซึ่งเป็นบริการรับฝากรูปภาพพร้อมกับใส่พิกัดของภาพลงบนแผนที่โลก แต่ได้ขายกิจการให้กับ Google ไปแล้ว
4. จุดเริ่มต้นในการเริ่มทำ Freepik นั้นเรียกได้ว่าไม่มีอะไรที่แปลกหรือเซอร์ไพรส์เท่าไหร่นัก เพราะ Freepik นั้นเกิดมาจากไอเดียของคุณ Alejandro Blanes ที่ในตอนนั้นเขาเห็นว่าไม่มีแพลตฟอร์มไหนที่อนุญาตให้เหล่ากราฟิกสามารถเข้าไปค้นหาหรือดาวน์โหลดรูปที่ตัวเองต้องการใช้ได้แบบฟรี ๆ เลย ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นปัญหาสำหรับใครหลาย ๆ คนเลย เขาเลยนำไอเดียนี้ไปบอกกับ คุณ Pablo Blanes และคุณ Joaquín Cuenca ฟัง พวกเขาก็เห็นว่ามันเป็นไอเดียที่ดีมาก และทั้งสามคนก็ได้ร่วมกันสร้าง Freepik ขึ้นมา
5. แต่จริงแล้ว ๆ รูปแบบของแพลตฟอร์ม Freepik ที่เปิดให้ผู้ใช้งานสามารถเข้ามาดาวน์โหลดรูปภาพไปใช้งานได้ ก็ถือว่า ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่อะไรมากนักในตอนนั้นเพราะก่อนหน้าที่ Freepik จะเกิดขึ้นก็มีแพลตฟอร์มในลักษณะคล้าย ๆ กันเกิดขึ้นมาอยู่ก่อนแล้ว อย่างเช่น Shutterstock
6. แต่สิ่งที่ทำให้ Freepik สามารถเข้ามาแย่งส่วนแบ่งในตลาดได้ ก็เป็นเพราะว่าภาพกว่า 40% ใน Freepik สามารถดาวน์โหลดไปใช้งานได้ฟรี เพียงแค่ต้องใส่เครดิตเท่านั้นเอง
7. ซึ่งแตกต่างจาก Shutterstock อย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ว่า Shutterstock จะเป็นแพลตฟอร์มหลายใหญ่ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ แต่รูปภาพ, วิดีโอ และเพลงในแพลตฟอร์มจะต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทำให้หลาย ๆ คนเริ่มหันไปเทใจให้ Freepik แทน
8. แม้ว่า Freepik จะมาทีหลัง Shutterstock ถึง 7 ปี แต่ Freepik นั้นก็ได้รับความนิยมไปไม่น้อยเลยทีเดียว แม้กระทั่งบริษัทชั้นนำระดับโลกเอง ก็ยังหันมาใช้ Freepik ไม่ว่าจะเป็น NASA, Amazon, FedEx, Microsoft และ Spotify
9. อีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจ คือ Financial Times เคยจัดอันดับให้บริษัท Freepik เป็นหนึ่งในสตาร์ตอัปที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป รวมถึงยังเป็นสตาร์ตอัปหนึ่งเดียวจากประเทศสเปน ที่ติดอยู่ในการจัดอันดับนี้
10. โดย Financial Times ได้ระบุรายได้ของบริษัท Freepik ว่า
ปี 2015 รายได้ 219 ล้านบาท
ปี 2016 รายได้ 300 ล้านบาท
ปี 2017 รายได้ 465 ล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 661 ล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 1,204 ล้านบาท
คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 53% ต่อปี
11. โดยโมเดลธุรกิจของ Freepik นั้นจะเป็นแพลตฟอร์มประเภท “Freemium” ที่แม้ว่าจะมีการเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถเข้ามาดาวน์โหลดรูปไปได้ฟรี ๆ แต่มีข้อจำกัดวันละไม่เกิน 10 ภาพ และจะต้องใส่เครดิตในภาพที่นำมาใช้ด้วย
12. แต่ตัวบริษัทเองก็ยังมีรายได้มาจากค่าสมัครสมาชิก เพื่อแลกกับสิทธิ์ในการดาวน์โหลดภาพได้ถึง 100 รายการต่อวัน และผู้ใช้งานยังสามารถดาวน์โหลดภาพพิเศษ หรือที่เรียกว่าภาพพรีเมียมไปใช้งานได้โดยไม่ต้องใส่เครดิตด้วยนะครับ
13. ปัจจุบัน Freepik มีคนเข้ามาเยี่ยมชมแพลตฟอร์มเฉลี่ยอยู่ที่ 85 ล้านครั้งต่อเดือน และมีผู้ใช้งานที่ไม่ซ้ำกันถึง 32 ล้านบัญชีต่อเดือน ซึ่งในแต่ละเดือนก็มียอดดาวน์โหลดรูปภาพมากกว่า 110 ล้านครั้ง โดยในตอนนี้ Freepik มีรูปภาพต่าง ๆ รวมกันในแพลตฟอร์มมากถึง 10 ล้านรายการ
14. นอกเหนือจากความสำเร็จของแพลตฟอร์ม Freepik แล้ว บริษัทก็ยังเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มอื่น ๆ อีก เช่น Flaticon ฐานข้อมูลไอคอน และสติกเกอร์ที่ใหญ่สุดในโลก และ Slidesgo แพลตฟอร์มที่รวบรวมเทมเพลตสำหรับทำ Google Slides และ PowerPoint
15. สำหรับในปัจจุบัน บริษัท Freepik ได้เปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นใหญ่ จากเหล่าผู้ก่อตั้งเป็น EQT Mid Market Europe โดย EQT เป็นองค์กรด้านการลงทุน ซึ่งจะมีกองทุนในเครือหลายกองทุน เพื่อใช้ลงทุนในบริษัทต่างๆ สำหรับ EQT Mid Market Europe จะเป็นกองทุนที่ใช้ลงทุนในบริษัทขนาดกลาง และมีศักยภาพสูงในยุโรปเหนือ อย่างไรก็ตามผู้ก่อตั้งทั้ง 3 ก็ยังคงถือหุ้นบางส่วนอยู่ในบริษัท และยังรับผิดชอบในการพัฒนา รวมถึงการวางกลยุทธ์ต่าง ๆ เหมือนเดิม โดยสาเหตุที่ทั้งสามผู้ก่อตั้ง ตัดสินใจขายหุ้นให้กับ EQT Mid Market Europe ก็เนื่องจากพวกเขาต้องการเงินทุน ที่จะมาช่วยในการขยายกิจการให้ยิ่งใหญ่มากขึ้น
ทั้งหมดนี้ ก็คือเรื่องราวธรรมดาที่ไม่ธรรมดาของ Freepik แพลตฟอร์มที่เริ่มต้นจากความคิดความต้องการที่จะจัดการกับปัญหาง่าย ๆ ที่เราเจออยู่รอบตัวและอยากที่จะแก้ไขมัน จนสามารถทำมันได้สำเร็จและสร้างรายได้หลักพันล้าน ผมก็อยากบอกทุกคนที่กำลังคิดจะทำธุรกิจหรือทำอะไรสักอย่าง ไม่ต้องคิดให้ไกลตัวมากนัก ลองมองอะไรใกล้ ๆ ตัวดูบ้าง อะไรที่มันเป็นปัญหาและยังไม่มีอะไรที่จะมาจัดการกับมันได้ ลองนึกกันดูดีนะครับ