fbpx

แกะกลยุทธ์การใช้สื่อสายเมาท์ (Earned Media) จากปรากฎการณ์ไวรัลหลานม่า วันหยุดเพื่อ Work Life Balance

Home » แกะกลยุทธ์การใช้สื่อสายเมาท์ (Earned Media) จากปรากฎการณ์ไวรัลหลานม่า วันหยุดเพื่อ Work Life Balance

แกะกลยุทธ์การใช้สื่อสายเมาท์ (Earned Media) จากปรากฎการณ์ไวรัลหลานม่า วันหยุดเพื่อ Work Life Balance

แกะกลยุทธ์การใช้สื่อสายเมาท์ (Earned Media) จากปรากฎการณ์ไวรัลหลานม่า วันหยุดเพื่อ Work Life Balance

หลายคนคงเห็นผ่านตาบนโลกโซเชี่ยลมีเดีย กับจดหมายประกาศแจ้งวันหยุดพิเศษถึงพนักงาน จากภาพยนตร์เรื่องหลานม่า ที่ตอนนี้ดูเหมือนกระแสที่เริ่มต้นจาก GDH ฉบับนี้ จะลุกลามให้หลายแบรนด์พากันเพิ่มวันหยุดให้กับพนักงานในโลกความเป็นจริง

 

หลานม่าเป็นภาพยนตร์ที่พูดถึงครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน ที่จะทำให้ผู้ชมย้อนนึกถึงความรักของคนใกล้ตัว โดยเฉพาะผู้สูงอายุกับลูกหลานที่เป็นคนเจนรุ่นหลัง กับการสะท้อนถึงทัศนคติและวิธีคิดของคนที่เกิดมาต่างยุคสมัย แต่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน

.

หนังเรื่องนี้สร้างโดย พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ ผู้กำกับจาก ฉลาดแกมโกง และ โปรเจกต์ เอส เดอะซีรี่ส์ รวมทั้งยังมีนักแสดงระดับแม่เหล็กอย่าง บิวกิ้น พุฒิพงศ์, เผือก-พงศธร, ดู๋ สัญญา, ตู ต้นตะวัน และ แต้ว อุษา เสมคำ

.

หนึ่งในแบรนด์ที่ฉกฉวยเกาะกระแสนี้ ให้เป็นโอกาสที่ฮือฮายิ่งกว่าต้นโพสต์อย่าง GDH ก็คือ AP Thailand ที่ทำถึงและถูกใจคนทำงาน นั่นคือการประกาศให้วันที่ 12 เมษายน 2567 นี้ ยกให้เป็นวันหยุดพิเศษที่เพิ่มให้พนักงาน AP Thailand ในชีวิตจริง

อ่านต่อ
นินจาการตลาด

AP Thailand ได้อธิบายถึงวันหยุดนี้ว่า ตั้งใจที่จะมอบให้พนักงานเป็นกรณีพิเศษ พร้อมแจงสิทธ์วันหยุดครั้งนี้ว่าสามารถใช้ได้ทั้งหยุดเพื่อวันเกิด, หยุดเพื่อวันแต่งงานและฮันนีมูนโดยไม่จำกัดเพศ, หยุดเพื่อดูแลคนป่วยในครอบครัว, หยุดพักผ่อนประจำปีตามอายุงาน และหยุดเพื่อซ้อมและรับปริญญา

.

หนึ่งในเหตุผลที่น่าสนใจ ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังของไทยอย่าง AP Thailand ได้กล่าวถึงการเข้าร่วมแคมเปญวันหยุดในวันที่ 12 เมษายนนี้ว่า 

.

“แคมเปญของภาพยนตร์เรื่องหลานม่า สร้างความตระหนักในการให้เวลาเพิ่มขึ้นแก่ครอบครัว ซึ่งบริษัทมีแนวคิดเดียวกัน ไม่ได้เพิกเฉยต่อคุณภาพชีวิต และให้เห็นความสำคัญของพนักงานมาก่อน รวมถึงยังอยากให้พนักงานในเครือนั้นมี Work Life Balance ที่ดี โดยมีทางเลือกให้แก่ตนเอง”

.

แน่นอนว่ากระแสจดหมายฉบับนี้ ดูจะกลายเป็นประโยชน์กับตัวภาพยนตร์เอง ที่เน้นย้ำให้คอหนังได้รู้ถึงกำหนดฉายวันแรก (4 เมษายน) และชักชวนให้ครอบครัวไปใช้เวลาร่วมกันในโรงภาพยนตร์กับหนังหลานม่า ทำให้คนที่อินกับกระแสนี้ เฝ้ารออยากจะที่ชมหนังเรื่องนี้มากขึ้น

.

ขณะที่แบรนด์อื่นๆ ที่เข้าร่วมไวรัลนี้ ก็พลอยได้พื้นที่สื่อไปด้วยในเชิงภาพลักษณ์ ที่เห็นความสำคัญในเรื่องของ Work Life Balance กลายเป็นองค์กรที่ใส่ใจถึงคุณค่าของเวลา และพร้อมที่จะมอบเวลาคืนกลับไป เพื่อให้พนักงานได้มีช่วงเวลาดีๆ กับคนพิเศษ

 

 

นินจาการตลาด

ทีนี้ถ้าว่ากันในมุมของการตลาด สิ่งที่ภาพยนต์เรื่องนี้ได้รับไปเต็ม ๆ คือ การได้ผลประโยชน์ในด้านการโปรโหมดจากสื่อสายเมาท์ (Earned Media) ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นสื่อที่ควบคุมได้ยากที่สุด ทั้งด้านเนื้อหาและด้านการกำหนดจำนวนการเข้าถึงของกลุ่มเป้าหมาย

.
คือถ้าถูกพูดถึงในทางที่ดี ก็ดีใจหาย แต่ถ้าถูกพูดถึงในแง่ร้าย ก็ร้ายใจหด

.
นั่นหมายถึงสื่อสายเมาท์ เป็นสื่อที่ได้รับความเชื่อถือที่สุด (ทั้งมุมบวก หรือมุมลบ ขึ้นอยู่กับว่าจะถูกเลือกในการพูดถึงมุมไหน) เมื่อเทียบกับสื่อสายเปย์ (Paid Media) และ สื่อสายสร้าง (Owned Media)

.
แล้วยิ่งได้จำนวนของการพูดถึงจากสื่อเบอร์ต่าง ๆ ทั้งน้อยใหญ่ เป็นไวรัลในช่วงเวลาก่อนหนังจะออกฉายไม่ถึงสัปดาห์ ซึ่งไม่ว่าจะมาจากความบังเอิญหรือมาจากความตั้งใจของทีมกลยุทธ์ของหนังเรื่องนี้ก็ตาม

.
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ กระแสของหนังนั้นมาแรงจนเชื่อได้ว่า น่าจะได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามในวันที่ออกฉายจริงๆ แน่นอน

นินจาการตลาด

อย่างไรก็ดี การวางกำหนดการฉายในช่วงต้นเดือนเมษายนนั้น ก็เชื่อว่านั่นคือความตั้งใจของทีมงาน ที่ต้องการให้ล้อกันกับเทศกาลสงกรานต์ที่มีวันสำคัญย่อยที่เกี่ยวข้องเรื่องกับความสัมพันธ์ของครอบครัวอยู่ในช่วงวันหยุดยาวด้วย เช่น วันครอบครัว วันผู้สูงอายุ เป็นต้น
.

ลงตัว เหมาะเจาะ จนเคาะประตูบ้านของหลายครอบครัวที่ต้องพากันไปดูหนังเรื่องนี้ ซึ่งมารอลุ้นกันนะครับว่าหนังไทยเรื่องนี้จะได้ยอดทะลุไปกี่ล้านบาท

.
จากเคสนี้ ทำให้พวกเราเห็นกันได้ชัดขึ้นไปอีกว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นของธุรกิจต่าง ๆ ส่วนมากแล้ว ไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ แต่เกิดจากความคิดเชิงกลยุทธ์ที่ได้ไตร่ตรองมาแล้วอย่างดี
.
เอาละ ไม่เถียงหรอกว่าใช้งบ ใช้เงินในการโปรโมท (เดี๋ยวใครอ่านแล้วจะว่า ก็เขามีงบเยอะนี่ ลองไม่ใช้เงินโปรโมทดูสิ) แต่ก็เป็นการใช้งบที่น่าจะคุ้มค่า เพราะผลลัพธ์ที่ได้ก่อนฉายประจักษ์ออกมาเป็นกระแสให้เห็นขนาดนี้แล้ว
.
“กลยุทธ์ที่คิดมาดี แล้วมีกระสุนมาเติม… เสริมด้วยความไม่บังเอิญ จนเกิดเป็นกระแสได้ในวงกว้าง…”

.

ลองเมนท์กันหน่อยว่าหนังเรื่องนี้จะไปสุดที่กี่ล้านบาท
.
อ้อ..แล้วก็ใครจำได้บ้างว่า “วันผู้สูงอายุ” และ “วันครอบครัว” ตรงกับวันที่เท่าไหร่ของเดือนเมษายน แล้วนอกจากสองวันนี้ เดือนเมษายนของทุกปียังมีวันสำคัญอะไรอีก คอมเมนท์กันได้นะครับ

ติดตามอ่านความรู้ด้านกลยุทธ์การตลาดได้ในบทความครั้งต่อไป
กับ อ.ออดี้ – กิตติชัย ได้ใน Blog ของ นินจาการตลาด ที่นี่…

Ninja Kantalad

Ninja Kantalad

Leave a Replay

Sign up for our Newsletter

ติดตามบทความด้านการตลาดฟรีๆมากมายเพียงกรอกอีเมล์ด้านบนนี้

Shopping Cart
Scroll to Top

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึก