เต็มฟีดชุลมุนวุ่นวายกันเลยทีเดียวสำหรับสงครามพิซซ่า 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา หลังจาก The Pizza Company ปล่อยโปรโมชั่น วันเดย์ วันดีล โปรวันเดียว พิซซ่าถาดกลางในราคา 99 บาท โดยมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้
“โฆษณาโปรโมชันที่ “แร๊งมาก!! วันเดย์ วันดีล โปรวันเดียว พิซซ่าถาดกลาง เพียง “99 บาท” (จากปกติ 299.-) แนะนำให้ซื้อตุนนนนน”
.
ผลตอบรับที่ออกมาคือ ลูกค้าแห่กันไปสั่งซื้อจนยอดขายถล่มทลายทุกสาขาทั่วประเทศ ออเดอร์ล้นทำไมทัน จนทาง The Pizza Company ต้องออกมาโพสต์ขอบคุณหน้าเพจและขออภัยในความไม่สะดวก ซึ่งเรื่องราวการกระตุ้นยอดขายก็น่าจะจบเพียงเท่านี้
.
แต่ปรากฎว่าบ่ายโมงวันรุ่งขึ้น (22 พ.ค. 67) เพจแบรนด์คู่แข่งอย่าง Pizza Hut ก็ออกมาโพสต์โปรโมชั่นเกทับ โปร พิซซ่า 98 บาท ตั้งแต่วันที่ 22-23 พ.ค. ซึ่งราคาถูกกว่า 1 บาท โดยมีเงื่อนไขที่แตกต่าง
“ตามคำเรียกร้อง! ทุกหน้า ทุกหมวด พิซซ่าถาดกลางเริ่มหมวดเลิฟเวอร์ ราคาเพียง 98.- !! 2 วันเต็ม !!”
.
ครับ คราวนี้ก็วุ่นวายอลหม่านระลอกสองต่ออีก เพราะโปรโมชั่นของ Pizza Hut ตัวนี้ได้ผลเกินคาด กลายเป็นกระแสฮือฮาที่คนพูดถึงเต็มโซเชี่ยลหลายแพลตฟอร์ม ประกอบกับคอพิซซ่าขาจรที่อกหักมาจากโปร 1 แถม 1 Pizza Company ก็อยากขอติดขบวนชวนหิวสั่งกับเขาด้วย
.
นอกเหนือจากพิซซ่า 2 เจ้าใหญ่นี้ ก็ยังมีแบรนด์อื่นๆ มาร่วมหนุมานคลุกฝุ่นเกาะกระแสโปรพิซซ่า อย่าง 7-11 ที่โพสต์ว่า “99 98 เค้าไปแย่งกัน คัดสรรบอกของเรา 79.- 1 แถม 1 มาได้เรื่อยๆ ไม่ต้องรีบครับ” เช่นเดียวกับเพจเนื้อแท้ที่เอากับเขา ด้วยการปล่อย “โปรทุบบังโต เนื้อสไลซ์หน้าร้าน 149 ลดเหลือ 89 เฉพาะ 22 พ.ค. 67 วันเดียวเท่านั้น”
ทั้งหมดที่เล่ามา เราเรียกว่ากลยุทธ์การตลาดแบบนี้ว่า Me too Marketing นั่นคือเธอมีฉันมีด้วย เธอทำฉันทำด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เรามักจะเห็นบ่อยในรูปแบบ Product เป็นส่วนใหญ่ เช่น เลย์มีรสอะไร เทสโตก็ต้องมีรสนั้นขายด้วย เอามาตัดส่วนแบ่งการตลาด แย่งยอดขายกัน
.
ว่ากันว่า Top of Mind ของพิซซ่าทั้งสองแบรนด์ไม่ได้หนีห่างกันมากนัก เลยพอจะซื้อทดแทนกันได้ ทำให้กลุ่มลูกค้าพิซซ่าทั่วไปไม่ได้มี Loyalty กับแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งชัดเจน และโปรโมชั่นราคาที่ดีหรือคุ้มค่ากว่า ก็มีน้ำหนักพอที่จะทำให้ลูกค้าหันไปซื้อแบรนด์คู่แข่งได้เหมือนกัน
.
นอกจากนี้ผลสำรวจผู้บริโภคของทาง Pizza Compamy ยังระบุด้วยว่า ผู้บริโภคจะเพิ่มการจดจำตัวแบรนด์มากขึ้นในช่วงโปรโมชั่น นั่นหมายความว่าโปร 1 แถม 1 ที่เอามาฟาดฟันย่อมกลายเป็นภาพจำของทั้งสองแบรนด์ ว่าใครลดแลกแจกแถมหนักกว่าใคร ทั้งเรื่องราคาและระยะเวลา
.
แต่อีกมุมหนึ่งก็มีเสียงวิจารณ์ถึงโปรดังกล่าว ว่ากลายเป็นสร้างช่องทางให้แม่ค้าออนไลน์ตามเพจกลุ่มต่างๆ รับหิ้วกินค่าส่ง กลายเป็นลูกค้าทั่วไปไม่ได้มีโอกาสสั่งซื้อ โปร 1 แถม 1 กับเขาเท่าไร มีแต่แม่ค้าไปยืนรอต่อแถวปิดโอกาสลูกค้าตัวจริง จนหลายสาขาปิดรับออเดอร์ตั้งแต่บ่ายก็มี
.
อีกทั้งข้อเสียของ Me too Marketing แบรนด์ที่เลือกเป็นผู้ตามเกมโปรโมชั่น อาศัยกลยุทธ์การตัดราคาที่ถูกกว่าเพื่อสร้างยอดขาย ยังไงก็ไม่เป็นผลดีต่อการสร้างแบรนด์ในระยะยาว ควรจะพัฒนาสินค้าบริการให้มีเอกลักษณ์จุดแข็งของตัวเองจะดีที่สุดครับ
.
ใครที่อ่านเรื่องนี้จบ มีใครได้สั่งพิซซ่าโปร 1 แถม 1 ทันกันบ้างไหมเอ่ย รสชาติยังเหมือนช่วงราคาปกติไหมครับ หรือใครฝากคนคนอื่นหิ้ว ทันไม่ทัน อร่อยไม่อร่อยยังไง อย่าลืมคอมเมนต์บอกเราด้วยน๊าาา