Mega Sale Day ถือเป็นช่วงเวลาทองของนักการตลาดและแบรนด์ต่างๆ เป็นโอกาสดีที่จะสร้างยอดขาย ดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ เข้ามา และสร้างการรับรู้แบรนด์ในวงกว้าง แต่การจะทำให้ประสบความสำเร็จในสนามรบแห่งการแข่งขันที่ดุเดือดนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะครับ ต้องมีกลยุทธ์ที่แยบยล และการวางแผนที่รัดกุมเท่านั้น
สถิติระบุว่า ในช่วง Mega Sale Day ยอดขายหลายแบรนด์เพิ่มขึ้น 200-300% โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และแฟชั่น มียอดขายพุ่งสูงถึง 500% แต่หลายแบรนด์พลาดโอกาสทองนี้ เพราะขาดการวางแผนที่ดี หรือไม่เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค ทำให้สูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาดให้คู่แข่งอย่างน่าเสียดาย
วันนี้เราจะมาแชร์ 3 ขั้นตอนสำคัญในการวางแผน Mega Sale Day ให้ประสบความสำเร็จ พร้อมตัวอย่างจากแบรนด์ดังๆ ที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม นำไปปรับใช้กับแบรนด์ของตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์เล็กหรือใหญ่ ก็สามารถใช้กลยุทธ์เหล่านี้ เพื่อเพิ่มยอดขายและสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้ครับ
1. Pre-testing: ระยะเริ่มต้นสร้างการรับรู้
.
ขั้นตอนแรกนี้สำคัญมากๆ ครับ เพราะเป็นการปูพื้นฐานให้แคมเปญของเราประสบความสำเร็จ จากการวิจัยพบว่า 70% ของนักช้อปเริ่มค้นหาสินค้าที่สนใจล่วงหน้าก่อนวัน Mega Sale จะมาถึง นี่จึงเป็นโอกาสทองของเราที่จะสร้างการรับรู้และความสนใจให้กับแบรนด์
.
เราควรเน้นการทำ Reach Campaign เช่น Video Reach Campaigns, การซื้อ Keyword แบบ Broad Match และการปล่อย Early Bird โปรโมชั่น ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์ TOMS ที่ปล่อยโปรโมชั่น Early Bird Surprise ก่อนวัน 9.9 ทำให้คนรู้จักสนใจแบรนด์มากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายในวัน Mega Sale เพิ่มขึ้น 150% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
2. Testing & D-day: ระยะกระตุ้นให้เกิดการขาย
.
ระยะนี้คือช่วงที่นักช้อปเริ่มเปรียบเทียบราคาและโปรโมชั่นจากหลายๆ แหล่ง ทั้ง E-commerce, Brand.com และ Social Media ต่างๆ จากการสำรวจพบว่า 80% ของผู้บริโภคจะเปรียบเทียบราคาจากอย่างน้อย 3 แหล่งก่อนตัดสินใจซื้อ
.
เราต้องให้ความสำคัญนำเสนอสินค้าในทุกช่องทาง และนึกถึงความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า เช่น ราคา โปรโมชั่นบัตรเครดิต การจัดส่ง หรือการทดลองสินค้า ตัวอย่าง KFC ที่ออกโปรโมชั่นในช่วง 8.8 ด้วยการปล่อย E-Voucher บน Lazada ให้ลูกค้านำส่วนลดมาใช้ที่หน้าร้าน ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 200% เมื่อเทียบกับวันปกติ
3. Post-event: ระยะสร้างความสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมในระยะยาว
.
หลายคนอาจจะคิดว่าพอจบ Mega Sale Day ก็จบแล้วจบกัน แต่จริงๆ แล้วนี่เป็นโอกาสทองในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว จากสถิติพบว่า การรักษาลูกค้าเดิมมีต้นทุนถูกกว่าการหาลูกค้าใหม่ถึง 5-25 เท่า
ดังนั้นควรทำ Always On Campaign เช่นสร้างโฆษณาหรือสร้าง Organic Content ในช่องทางต่างๆ เพื่อให้แบรนด์ยังอยู่ในใจลูกค้า อย่าง Shopee ที่หลังจบ Mega Sale Day ยังทำ Personalized Email Marketing ส่งโปรโมชั่นที่ตรงพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า ทำให้อัตราการซื้อซ้ำเพิ่มขึ้นถึง 30%
.
การวางแผนที่ดีเป็นกุญแจสำคัญในช่วง Mega Sale Day ทุกรายละเอียดมีความสำคัญ ตั้งแต่การสร้างการรับรู้ก่อนวัน Sale ไปจนถึงการดูแลลูกค้าหลังการขาย การทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย จะช่วยให้เราแข่งขันได้สนุกในธุรกิจที่แข่งขันสูงทุกวันนี้
ใครที่อ่านเรื่องนี้จบแล้ว ลองแชร์กันหน่อยนะครับว่าเคยซื้อของอะไรในช่วง Mega Sale Day บ้างไหม อะไรที่ทำให้เราตัดสินใจซื้อ หรือถ้าเราเป็นเจ้าของร้าน เคยทำอะไรพิเศษบ้างในช่วงนี้เพื่อดึงดูดลูกค้า แลกเปลี่ยนประสบการณ์ จะได้นำไอเดียดีๆ ไปใช้ในครั้งต่อไปด้วยกันครับ