1. สินค้าต้องดีก่อน บริการต้องโดน
.
อยากขายดี อันดับแรกสินค้าเราต้องดี เราต้องมั่นใจสินค้าเราก่อนที่จะขาย อย่างเช่น บังฮาซัน ที่ทุกครั้งจะเน้นย้ำถึงคุณภาพของสินค้า และมั่นใจขนาดที่ว่าถ้าสินค้าไม่ดี มีปัญหา สามารถเปลี่ยนได้ภายใน 3 วัน ดังนั้นแล้ว ถึงแม้คุณจะไลฟ์สดได้เก่งที่สุดในประเทศไทย แต่ถ้าสินค้าไม่มีคุณภาพ คุณก็โดน Complain จากลูกค้าอยู่ดี
.
และด้วยความที่คุณไลฟ์เก่ง อาจจะเป็นดาบสองคมหลังจากทำให้ทุกคนได้รู้จัก สร้างการรับรู้และจดจำได้อย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าโอกาสที่สินค้าจะถูกขายออกไปจากการที่เป็นที่รู้จักนั้นจะมีมากเช่นกัน ปัญหาที่อาจจะตามมาก็คือ การควบคุมคุณภาพของสินค้าอาจทำได้ไม่ดีเหมือนแต่ก่อนในตอนที่ยังคงมียอดขายไม่มาก เมื่อยอดขายเริ่มมากขึ้น แล้วไม่ได้เตรียมหลังบ้านเอาไว้ให้ดี ก็อาจจะทำให้สดุดในเรื่องนี้ได้เช่นกัน และนี้คือความท้าทายของคนขายดีอีกข้อหนึ่งที่ผู้ที่กำลังเริ่มต้นอาจไม่เคยได้มองภาพนี้เอาไว้
2. เอกลักษณ์เฉพาะ (Signature)
.
ตามที่ผ่านมา ทุกคนที่เป็นกระแส หรือ โด่งดังที่สามารถทำเงินได้จากการ LIVE สดผ่าน Facebook ก็จะมีเอกลักษณ์ส่วนบุคคล ที่ชัดเจน มีคาแรคเตอร์ที่คนเห็นแล้วจำได้ทันที
.
ไม่ว่าจะเป็น เจ๊น้ำ ลุงโทนี่ บังฮาซัน เป็นต้น ซึ่งคาแรคเตอร์บางคนอาจจะไปสุดโต่ง หรือ บางคนอาจจะมีลูกเล่นที่เป็นซิกเนเจอร์ อย่างบังฮาซันก็จะมีลูกคู่คอยสร้างสีสัน คำพูดประจำตัวที่เอ่ยถึงเมื่อไหร่ก็จะมีแต่คนจำได้ เช่น ได้แรงอ้ก, จัดส่งฟรี ทั่วประเทศ ! เป็นต้น เจ๊น้ำก็จะเน้นเล่าเรื่อง ขายตามอารมณ์ ทำให้ลูกค้าเกิดอารมณ์ขัน ส่วนลุงโทนี่ก็จะออกดาร์ก ๆ หน่อย แต่ที่สุดแล้ว ทุกคนล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะเป็นของตัวเอง
3. การขายต้องมีเรื่องราว
.
เรื่องราว หรือ Story เป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้เราสามารถดึงให้ลูกค้า มีอารมณ์ร่วมกับสินค้าของเรา
.
เช่น บังฮาซัน ได้พยายามเล่าถึงที่มาของสินค้าหรือวัตถุดิบที่นำมาขาย โดยบอกถึงความยากที่กว่าจะได้มานั้นต้องผ่านอุปสรรคมากมาย ของดีที่แม้แต่ชาวประมงเองที่ดูเหมือนจะอยู่ใกล้แหล่ง ก็ยังไม่ค่อยได้มีโอกาสได้กินได้บริโภคสักเท่าไหร่ เพราะความที่มันหายากมากกว่าแต่ก่อนนี่แหล่ะ ดังนั้นมันจึงทำให้กลายเป็นสินค้าที่มีคุณค่ามากกว่าหากผู้ชมไลฟ์ได้ฟังเรื่องราวจากบังฮาซันในทำนองนี้
.
บางครั้งบังฮาซันได้ลองนำสินค้ามาขายในลักษณะการเสนอประมูล ซึ่งดูเหมือนจะทำให้สินค้ามีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังคงทำให้ผู้ชมไลฟ์ยอมจ่ายอยู่ดี
4. พยายามดึงคนดูให้อยู่กับเรา
.
ก็เหมือนกับที่เราเรียนหนังสือนั่นแหละ บางทีการอัดเนื้อหามากจนเกินไป อาจจะทำให้นักเรียนเบื่อ ดังนั้นแล้ว ควรจะมีการ interact กับลูกค้า ไม่พาเข้าขายของจนเกินไป
การโยนตัวอย่างสินค้าแล้วพูดถึงซื้อผู้สั่งซื้อสินค้า ส่งผลทำให้ผู้ชมอื่น ๆ ที่ติดตามอยู่รู้สึกได้ว่า เฮ้ย.. ซื้อกันเยอะแบบนี้เลยหรือ จนทำให้มีความตื่นตัว บางทีก็อยากที่จะสั่งบ้าง คือประมาณว่าเห็นเค้าซื้อกันเยอะแบบนี้ แสดงว่ามันต้องดีจริง อร่อยจริง
.
(บังฮาซัน บอกในไลฟ์เสมอนะครับว่า สินค้าที่โยนวนไปแล้วเรียกชื่อนั้น ไม่ใช่สินค้าที่จะส่งให้ลูกค้าจริง ๆ เป็นเพียงแค่การแสดงเท่านั้น ไม่ต้องกังวลเรื่องสินค้าจะช้ำหรือเสียหาย)
5. พยายามเรียนรู้และแก้ไขปัญหา
.
บังบอกว่าเราพยายามที่จะเรียนรู้เรื่องราวปัญหาทั้งหมด แล้วนำมาแก้ไข ว่าสินค้าของเรา มันต้องเป็นในแนวทางไหน ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าซื้อไปแล้วไม่เสียเงินเปล่า มันคือหลายองค์ประกอบในการขาย ทั้งคุณภาพ วิธีการขาย การนำเสนอ
.
แต่ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อคุณ Live แล้วสามารถเข้าถึงคนจำนวนมาก (Mass) ก็ใช่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นลูกค้าของคุณ ทุกคนย่อมมี Timing เป็นของตัวเอง เก่าไปใหม่มา แต่ไม่ว่าอย่างไรแล้ว คนที่มีกระแสในช่วงเวลานั้น เมื่อกลุ่มคน Mass ของพวกเขาเหล่านี้ออกไป เขาก็ยังเหลือกลุ่มเป้าหมายจริง ๆ ของเขาอยู่ ดังนั้นแล้ว อยากให้เราไปโฟกัสที่กลุ่มเป้าหมายของเราเสียก่อน ถ้าหากมัน Mass หรือเป็น Viral ขึ้นมา นั่นหมายถึงโอกาสที่เพิ่มขึ้น แต่อย่ามัวหลงไหลได้ปลื้มกับสิ่งเหล่านั้นจนลืมโอกาสเดิม ลูกค้าเดิม ที่เคยได้รับสินค้า/ บริการคุณภาพของเราไป