เชื่อว่าส่วนใหญ่น่าจะเจอคอนเทนต์รูปแบบ Infographic กันแทบทุกวัน โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ แล้วเคยสังเกตไหมว่า เราก็มักจะหยุดดูหรืออ่านอยู่บ่อย ๆ หรือบางครั้งก็กดแชร์เลยด้วย ลองถามใจตัวเองกันดูสิว่า ทำไมเราถึงสนใจคอนเทนต์ประเภทนี้มากกว่าคอนเทนต์แบบอื่น ๆ กันนะ แล้วทำไมเพจของเรา แบรนด์ของเราถึงไม่ทำบ้างละ ?
บางคนก็อาจจะนึกตอบในใจว่า ก็มันทำยาก ไม่รู้จะเริ่มยังไง ทำไม่เป็น ฯลฯ ใจเย็น ๆ กันก่อนนะครับ ตอนนี้อาจจะยังทำไม่เป็น หรืออะไรก็ตามแต่ แต่วันนี้มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า Infographic คืออะไร ทำแล้วจะได้อะไร แล้วค่อยว่ากันนะครับว่าจะทำยังไงต่อไป …
Information Graphic หรือที่เราเรียกกันย่อ ๆ ว่า Infographic เป็นการสื่อสารเรื่องราวต่าง ๆ โดยใช้รูปภาพเป็นส่วนใหญ่ (ข้อมูลภาพ) ส่วนพวกข้อความบนรูปจะเน้นการสรุปใจความสำคัญ ซึ่งคอนเทนต์ประเภทนี้ เหมาะสำหรับการสื่อสารเรื่องยาก ๆ ให้ย่อยง่ายขึ้น และการสรุปเรื่องราวที่มีเนื้อหาเยอะแยะมากมาย ให้มีความกระชับและเข้าใจง่าย หรือแม้แต่บางเนื้อหาที่เรารู้สึกว่า ไม่รู้จะอธิบายยังไง ไม่รู้จะใช้คำยังไงดี ก็สามารถใช้ Infographic ในการสื่อสารแทนได้เลย
Photo: dol.thaihealth.or.th
นอกจากนี้ Infographic ยังช่วยสร้าง Brand Awareness ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ เพราะตามหลักของ Infographic แล้ว จะเน้นการใช้เหตุและผลในการสื่อสาร และเนื้อหาส่วนใหญ่จะเป็นการให้ความรู้เชิงรูปภาพ ซึ่งกระตุ้นให้ผู้รับสารเสพสื่อได้ดี เพราะมีรายงานออกมาแล้วว่า สมองของมนุษย์สามารถประมวลผลและจดจำรูปภาพได้เร็วกว่าข้อความถึง 60,000 เท่า ! อีกทั้งพวกลวดลายและสีสันต่าง ๆ ก็ดึงดูดความสนใจให้หยุดอ่านได้ดีเลยทีเดียว
Photo: www.heart.org
และที่สำคัญก็คือ คนส่วนใหญ่ในยุคนี้ ไม่ค่อยมีเวลาเสพสื่อเนื้อหาเยอะ ๆ ยาว ๆ ถึงแม้จะมีเวลาก็ไม่ได้อยากจะอ่านอะไรยาว ๆ อยู่แล้ว มักจะชอบอ่านอะไรที่ใช้เวลาไม่นาน อ่านง่าย เข้าใจง่าย ซึ่ง Infographic ตอบโจทย์มาก ๆ เพียงแค่เรียบเรียงเนื้อหาและดีไซน์ออกมาให้ดี ยังไงก็มีคนอ่านครับ และคอนเทนต์รูปแบบนี้นั้น ค่อนข้างส่งต่อหรือแชร์ได้ง่ายกว่าคอนเทนต์รูปแบบอื่น ๆ รวมไปถึงการเซฟไว้อ่านทีหลังก็ทำได้ง่ายเช่นกัน จึงทำให้ Infographic ค่อนข้างได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งในฝั่งของคนทำและคนอ่าน
Photo: assets.goodstatic.com
ถ้าสนใจอยากลองทำคอนเทนต์แนว Infographic ก็ลองศึกษาข้อมูลเรื่องที่เราจะสื่อสารอย่างละเอียด แล้วพยายามถ่ายทอดออกมาให้สั้น กระชับ ได้ใจความมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ดูนะครับ ส่วนในเรื่องของการออกแบบนั้น ถ้าคุณมีฝ่าย Graphic Designer อยู่แล้ว ก็ลงมือกันได้เลย
.
แต่สำหรับใครที่ไม่มีทีมงาน อยากลองทำด้วยตัวเอง ก็มี Online Template ให้ลองใช้อยู่มากมายครับ แต่ไม่ค่อยแนะนำให้ใช้เท่าไหร่ถ้าจะนำไปเผยแพร่จริง ๆ อยากให้ใช้อันที่ออกแบบเองดีกว่า แต่ถ้าจะเอาไว้ฝึกฝีมือก็โอเคอยู่ครับ และสิ่งที่อยากให้พิจารณานอกจากเนื้อหาและดีไซน์แล้ว เรื่อง CI (Corporate Identity) ก็สำคัญนะครับ เพราะถ้า CI ไม่เด่น ไม่ชัดเจน คนก็ไม่จดจำ
สามารถติดตามเนื้อหาสุด Exclusive ของนินจาการตลาดที่ไม่ได้ลงที่ไหนและคอร์สเรียนฟรี ให้พิเศษเฉพาะใน Facebook กลุ่มปิด “Digital Media Planning 2020” คลิกไปขอเข้าร่วมได้เลย มีอัปเดตเนื้อหาอยู่ตลอด
และหากมีคำถามอยากให้ช่วยเหลือด้านการสื่อสารการตลาดดิจิทัล ทั้งเรื่องเครื่องมือ (Media), เนื้อหา (Content) และ กลยุทธ์ (Strategy) สามารถเข้าไปทักสอบถาม อ.ออดี้ และผู้รู้มากมายใน “หมู่บ้านนินจา” LINE OpenChat
