เคยไหม ? ที่เข้าไปท่องเว็บซื้อของออนไลน์สักแบรนด์นึง ที่มีสินค้าหลายโมเดล หลายรุ่นเหลือเกิน และเราเองก็อยากจะเปรียบเทียบข้อมูลของสินค้าแต่ละรุ่นว่า มันมีความเหมือนและต่างกันอย่างไร จะได้เลือกสินค้าที่ตรงใจ และตรงกับความต้องการมากที่สุด แต่ก็ต้องคอยเปิด tab เว็บไซต์หลายหน้า เพื่อดูข้อมูลสินค้าทั้งหมดที่เราสนใจ
ซึ่งเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าหงุดหงิดมากเลยทีเดียว เพราะเหนื่อยมากกว่าจะดูข้อมูลจนครบ ก็เล่นอยู่คนละ tab ไปหมด แถมทำให้การเปรียบเทียบข้อมูลก็ทำได้ยาก เพราะเราอาจจะลืม จำได้ไม่หมด หรือตกหล่นข้อมูลบางอย่างไป แค่คิดก็ปวดหัวแล้วจริง ๆ
.
ขนาดตอนที่คุณเป็นลูกค้าเองยังไม่โอเค แล้วถ้าเป็นลูกค้าของคุณจริง ๆ ก็คงมีอาการไม่ต่างกันหรอก จริงไหม ? ดังนั้น ถ้าคุณจำหน่ายสินค้าที่มีหลายโมเดล หลายรุ่น หลายซีรีส์ มากมายก่ายกองไปหมด แนะนำว่าให้ทำ Checklist Content เพื่อให้ลูกค้าเปรียบเทียบข้อมูลสินค้าได้ง่ายขึ้นดีกว่า เผลอ ๆ ปิดการขายได้อีก เพราะลูกค้าเจอสินค้าที่ถูกใจได้เร็วขึ้น
อ่านต่อ
Checklist Content เป็นรูปแบบคอนเทนต์ที่เน้นการเปรียบเทียบข้อมูลของสิ่งต่าง ๆ ตั้งแต่ 2 สิ่งขึ้นไป เพื่อให้เห็นความเหมือนหรือความต่างของสิ่งเหล่านั้นได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ส่วนใหญ่มักจะทำออกมาในรูปแบบตาราง เพราะเป็นรูปแบบที่ง่ายและเบสิกที่สุด
Photo: sanook.com
ซึ่ง Checklist Content สามารถนำไปปรับใช้ในการทำการตลาดได้ ทั้งแบบ Offline และ Online เลยทีเดียว สำหรับการทำ Checklist Content แบบ Offline นั้น อาจจะทำออกมาในรูปแบบโบรชัวร์สินค้า (Brochure) ส่วนแบบ Online นั้น ก็อาจจะทำเป็นรูปภาพ หรือ Infographic โพสต์ลงบนโซเชียลมีเดียต่าง ๆ หรือถ้าคุณมีเว็บไซต์ของแบรนด์ ก็อาจจะสร้างอีก Tab นึงขึ้นมา สำหรับ Checklist Content โดยเฉพาะเลยก็ได้
Photo: apple.com/th/iphone/compare/