ในช่วงเวลาที่ผ่านบางคนเห็นปุ่มไลก์เพจนั้นหายเหลือเพียงแค่ปุ่มกดติดตามเท่านั้น เป็นเพราะว่า Facebook ได้มีการเริ่มทดสอบการแสดงผลหน้าเพจที่ไม่มียอดไลก์เพจ
และไม่มีปุ่มกดไลก์เพจในหน้าแรก ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้มีการทดสอบกับเพจบุคคลที่มีชื่อเสียงกันไปบ้างแล้ว ตั้งแต่นักแสดง วงดนตรี ดารา หรือแม้กระทั่งเพจสำนักข่าวบางแห่ง และทาง Facebook ก็จะขยายการทดสอบไปยังเพจที่มีการใช้ภาษาอังกฤษในวงกว้าง
ก่อนที่จะเข้ารายละเอียดในการยกเลิกยอดไลก์เพจ และผลกระทบที่จะเกิดขึ้น มาลองย้อนรอยประวัติของ facebook page ว่าเป็นอย่างไร
เป็น Fan Page มาก่อนจะเป็น Page Like
หากใครยังจำได้ดีในช่วงแรก ๆ การที่จะเริ่มทำ Facebook Marketing ในช่วงแรกยังไม่มีระบบโฆษณาใด ๆ เป็นระบบแบบ ออร์แกนิค ทั้งหมด ซึ่งการที่จะโพสต์ และให้ผู้บริโภคหรือกลุ่มเป้าหมายเห็นเรื่องราวที่นำเสนอออกไปด้วยการให้พวกเขากดเป็น “Fan” ของเราก่อน แน่นอนว่าก่อนจะมีการวัดผลจากการไลก์หรือติดตามมากน้อยขนาดไหน เราเคยวัดกันที่แฟนเพจมาก่อน ยุคนั้นจึงเรียก Facebook Page เป็น Fan Page
ดังนั้นยอดแฟนเพจจึงสำคัญมาก เพราะมีการจัดแคมเปญต่าง ๆ ชวนคนเข้ามาเป็นแฟนเพจเพื่อลุ้นรับของรางวัลกันยกใหญ่ ส่วนใหญ่จะเป็น iPhone iPad ที่เป็นฟีเวอร์มากในเวลานั้น แต่ละเพจแข่งขันกันเพิ่มยอดแฟนเพจอย่างเอาเป็นเอาตาย นั่นก็เพราะหากแบรนด์มีแฟนเพจเยอะจะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยไม่ต้องพึ่งมีเดีย และโฆษณาใด ๆ
แต่หลังจากนั้น Facebook จึงได้พัฒนาระบบต่าง ๆ ให้ความทันสมัยมากขึ้น และระบบโฆษณาถูกพัฒนาให้แม่นย่ำขึ้นเรื่อย ๆ และเข้าสู่ยุคที่ หากต้องการให้คนนอกเห็นโพสต์มากยิ่งขึ้น จำเป็นต้องใช้โฆษณาเข้ามาช่วยเท่านั้น ช่วงเวลานั้นเอง Facebook ก็ได้ทยอยให้ความรู้เหล่านักการตลาด และธุรกิจ เพื่อเปลี่ยนจากการนับยอดแฟนเป็นนับยอด Page Like และพร้อมออกรูปแบบในการโปรโมตเพจและช่วยเพิ่ม Page Like ได้
Page Like ที่มีก็ดีอยู่แล้วทำไมต้องมี Page Follower
อย่างไรก็ดี หากได้ติดตามข่าวสารของ Facebook อย่างใกล้ชิดจะเห็นได้ว่าทาง Facebook เริ่มรุกหนักขึ้นเรื่อย ๆ ในการทยอยให้ความรู้เกี่ยวกับการลงโฆษณาไปเยอะ ๆ เพื่อเพิ่มยอดไลก์ของเพจ ไม่ได้หมายความว่าลูกค้า และผู้บริโภคจะเข้ามาซื้อสินค้า หรือบริการของแบรนด์ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องทำ Facebook Marketing ให้คนมาไลก์เยอะ ๆ อีกต่อไป แต่ควรตั้งเป้าหมายให้เหมาะสมกับธุรกิจ เพิ่มยอดขาย เพิ่มคนเดินเข้าร้าน เพิ่มคนเข้าเว็บไซต์ หรือแม้กระทั่งการเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้าจากการลงทะเบียนต่าง ๆ
และช่วงที่ผ่านมานี้ Facebook เองก็ปรับเปลี่ยนเพิ่มให้มีปุ่มติดตาม (Follower) ขึ้นมาในแอปพลิเคชันแต่บนเว็บไซต์ยังมีให้กดไลก์อยู่ ซึ่งตอนนี้เองหากมีคนมากดไลก์บนเพจ ก็จะจัดเป็นผู้ติดตาม (Follower) โดยทันที และผู้ใช้งานยังเลือกได้ภายหลังอีกว่าจะยกเลิกไลก์เหลือเพียงการติดตามอย่างเดียวก็สามารถทำได้
หมายความว่าการที่ติดตาม พวกเขามีความสนใจ และเนื้อหาข้อมูลข่าวสาร จากแบรนด์จริง ๆ และมีความสนใจที่มากพอยากจะกดติดตามเพจของแบรนด์ บวกกับโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มอื่น ๆ ก็มักจะใช้คำว่า Follower เป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว แทนที่จะแสดงยอดไลก์ ก็เปลี่ยนมาแสดงยอดคนติดตามน่าจะเข้าใจง่ายว่า
ใครได้รับผลกระทบ หาก Facebook ยกเลิก Page Like
ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้น อาจจะไม่ได้มีผลกระทบต่อแบรนด์มากนัก เพราะแบรนด์จะเน้นการเข้าถึง Follower เป็นหลักอยู่แล้ว
แต่อีกกลุ่มที่อาจจะได้รับผมกระทบอยู่บ้างคือเหล่า Creator และ Influnencres ต่าง ๆ ที่มักคำนวณค่าเผยแพร่งานอิงตามตัวเลข Page Like เป็นหลัก เมื่อต่อไปหน้าแรกไม่มีระบุจำนวนยอดไลก์เพจแล้วอาศัยตัวเลขผู้ติดตามเพียงอย่างเดียวอาจจะจำเป็นต้องปรับเนื้อหาที่นำเสนอออกไป เพื่อสร้างฐาน Follower ได้
ท้ายนี้หลายคนอาจจะเข้าใจ และเห็นภาพกันแล้วว่าทำไม Facebook ถึงจะเลิกการแสดงยอดไลก์เพจ เหลือเพียงการแสดงยอดผู้ติดตามเพียงอย่างเดียว เพราะ Page Like กลายเป็นเรื่องรองของการทำ Facebook Marketing ในยุคปัจจุบัน ดังนั้นควรลองหาแนวทางที่เข้ากับแบรนด์เพจเรา ดีกว่าชวนคนมากดไลก์เพจ