ชีวิตช่างอนิจาเป็นดั่งที่พี่ช่ากล่าวไว้ “ใครก็รู้สายน้ําทุกสายไม่เคยไหลทวนไม่คืนกลับมา เทรนด์ในการทำการตลาดดิจิทัลก็เปลี่ยนตามกาลเวลา” โควิดยังเปลี่ยนสายพันธุ์ ภายในปีเดียว จะยอมน้อยหน้าได้เยี่ยงไร
วันนี้นินจาจะพามาแนะนำ 5 เทรนด์ของ marketing ที่คาดว่าจะเข้ามามีบทบาทในปี 2021 อ่านให้จบ นินจารับรองโควิดทำอะไรธุรกิจของเราไม่ได้แน่นอน
วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปทุกวัน เทรนด์ในการทำการตลาดดิจิทัลเองก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน อย่างที่ทุกคนรู้ว่าตอนนี้มีการระบาดของ Covid-19 เพราะแบบนั้นเราเลยต้องหากลยุทธ์ใหม่ ๆ เพื่อให้ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัยถูกไหมครับ อยากรู้กันแล้วใช่ไหมล่ะครับว่าเทรนด์ที่นินจาจะแนะนำในวันนี้มีอะไรบ้าง
และนี่คือ 5 เทรนด์ของ Marketing ที่อยากให้อ่านให้จบ รับรองโควิดทำอะไรเราไม่ได้แน่นอนครับ
1. Artificial intelligent
อย่างแรกที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้ก็คือ Artificial intelligent ศัพท์คำนี้อ่านแล้วบางคนอาจไม่คุ้นเลย แต่น่าจะรู้สึกคุ้นเคยมากขึ้นหากพูดว่า มันคือคำเต็มจากตัวย่อที่เราน่าจะได้ยินกันบ่อย ๆ นั่นก็คือคำว่า “AI” นั่นเอง มันคือเครื่องมืออัจฉริยะที่จะเข้ามาทำให้ชีวิตของพวกเราง่ายขึ้น
ปี 2020 AI หรือปัญญาประดิษฐ์เริ่มถูกพูดถึงและนำมาใช้งานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เยอะมากขึ้น อย่างปีที่ผ่านมาเป็นปีที่มันเริ่มเข้ามามีบทบาท และถูกนำเข้ามาใช้แทนแรงงาน หรือการทำการตลาดดิจิทัลอยู่บ้างครับ ไปดูกันเลยครับว่าเจ้า AI ทำอะไรได้บ้าง
เคยได้ยินหรือเคยได้ลองใช้ Programming Advertising มากันบ้างไหมครับ เจ้าสิ่งนี้คือการใช้โปรแกรมอัตโนมัติในการซื้อและตั้งแคมเปญโฆษณา โดยที่ AI เนี่ยจะทำการกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้เองอัตโนมัติ โดยที่เราไม่ต้องไปหาข้อมูลลูกค้า และตั้งกลุ่มเป้าหมายในการซื้อโฆษณาด้วยตัวเองให้ยุ่งยาก ข้อดีคือสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้จริง ๆ คุ้มค่ากับงบประมาณ และประหยัดเวลาในการที่เจ้าของกิจการอย่างเราต้องมานั่งเฝ้า Ads เพื่อปรับปรุงคุณภาพ Ads อยู่บ่อย ๆ แต่เท่าที่ดูแล้วผมแนะนำว่ายังไม่เหมาะกับแคมเปญระยะสั้น เพราะ AI จะทำงานมีประสิทธิภาพและแม่นยำได้ AI ต้องการการเรียนรู้ และการเรียนรู้ต้องใช้ระยะเวลา ดังนั้น AI แบบ Programing Advertising จะเหมาะกับการใช้ในแคมเปญระยะยาวมากกว่า
อีกตัวนึงที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย ก็คือ Chatbot ผมคิดว่าหลายคนน่าจะคุ้นเคยกับสิ่งนี้ดี มันต้องมีบ้างแหละที่บางคนเคยมีประสบการณ์แชทไปถามเรื่องที่อยากรู้จากเพจเฟซบุ๊กต่าง ๆ ตอนดึก ๆ แล้วมีข้อความตอบกลับอัตโนมัติ นั่นแหละครับคือสิ่งที่เรียกว่า Chatbot ซึ่งมันคือ AI รูปแบบหนึ่ง ถึงแม้ว่าทุกคนอาจจะคุ้นเคยอยู่แล้ว แต่ในปีนี้มันก็ยังคงเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับความนิยมอยู่ดี จากผลสำรวจบอกว่าแชทบอทสามารถให้บริการลูกค้าได้ครอบคลุมถึง 85% ในปี 2020 โดยประโยชน์สูงสุดคือการการตอบโต้กับลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมงได้มากถึง 64%
และอีกไม่นานผมคาดว่าเทคโนโลยีจาก AI พวกนี้จะกลายมาเป็นหนึ่งในเครื่องมือหลักประกอบการทำธุรกิจและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในอนาคต ดังนั้น หากใครยังไม่เคยเริ่มเรียนรู้ที่จะใช้เครื่องมือพวกนี้ ผมว่าต้องเริ่มได้แล้วนะครับ ในปี 2021 จะมีอะไรใหม่ ๆ เข้ามาอีกเยอะ ถ้าไม่เริ่มตอนนี้ จะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่องได้นะครับ
2. Personalization
ทุกคนคงจะคุ้น ๆ กับหัวข้อนี้อยู่บ้าง เพราะผมเคยพูดเรื่องนี้ไว้แล้วในช่วงกลางปีที่ผ่านมา แต่เราจะมาทวนกันอีกทีว่า Personalization คืออะไร คำว่า Personal เนี่ยแปลว่าส่วนบุคคล เพราะฉะนั้นการทำการตลาดแบบนี้ คือการตลาดที่เราเสนอสินค้า บริการต่าง ๆ จากข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้า และนำข้อมูลที่เราเก็บได้ มาเสนอสินค้าและบริการให้โดนใจลูกค้าแบบเจาะจงเป็นรายคนไป อาจฟังดูล้ำหน้าเกินจริงไปมาก จนไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริงใช่ไหมครับ ?
ผมจะยกตัวอย่างแบรนด์ที่ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกันดี อย่างแบรนด์ Amazon ที่แนะนำสินค้าที่คิดว่าลูกค้าจะสนใจจากการเก็บข้อมูลของผู้ใช้เมื่อเข้าไปดู กดไลก์ หรือซื้อสินค้า หน้าเว็บก็จะเสนอสินค้าที่ใกล้เคียงมาให้ รวมถึงการที่ NETFLIX ใช้อัลกอริทึมจดจำประวัติการเข้าชมเพื่อช่วยเลือกซีรี่ส์ให้คนดู ก็เป็นการตลาดรูปแบบนี้เช่นกันครับ
ส่วนอีกแบรนด์ที่น่าจดจำก็คือ COCA COLA แบรนด์นี้ทำ Personalized Marketing ผ่านแคมเปญที่มีชื่อว่า Share a coke โดยการใส่ชื่อของลูกค้าลงบนกระป๋อง และขวด แล้วให้แชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย
3. Video Marketing
ถ้าเราทำงานเหนื่อย ๆ หรือต้องการหาอะไรทำให้หายเครียด ผมว่าการดูวิดีโอก็เป็นหนึ่งในวิธีคลายเครียดของใครหลาย ๆ คนที่อ่านอยู่จริงไหมครับ และเพราะสมัยนี้คนนิยมดูวิดีโอกันมาก มันเลยจะเป็นหนึ่งในเทรนด์การตลาดที่เราจะมองข้ามกันไปไม่ได้เลยครับ แน่นอนว่าแพลตฟอร์มใหญ่ที่มีอัตราผู้เข้าชมมากกว่า 30 ล้านคนต่อวันอย่าง Youtube สามารถสร้างยอดผู้เข้าชมให้วิดีโอของคุณได้มากที่สุด แต่อย่าลืมนะครับว่าในสมัยนี้คนก็ฮิตดูไลฟ์ผ่าน Facebook, Intragram, Twitter และที่มาแรงสุด ๆ ในช่วงนี้อย่าง Tiktok ก็เหมือนกัน และวันนี้ผมรวบรวมรูปแบบวิดีโอที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ มาให้ทุกคนลองอ่านแล้วเอาไปปรับใช้กับธุรกิจตนเองกันนะครับ
อันแรกเลยที่จะยกตัวอย่าง คือ…
Live video: ผมอยากแนะนำการทำวิดีโอรูปแบบนี้กับธุรกิจที่ต้องพึ่งสื่อต่าง ๆ ในการเผยแพร่แบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก ด้วยการเพิ่มจำนวนการเข้าถึงของกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น การทำ Live video ด้วยตัวเองจะทำให้ข้อความที่ส่งออกไปมีประสิทธิภาพมากกว่า เช่น วิดีโอสัมภาษณ์ผู้พัฒนา เบื้องหลังการผลิตสินค้า ขั้นตอน หรือแม้กระทั่งอีเว้นท์ในบริษัท
Video SEO: วิธีนี้เป็นวิธีดีที่ไม่ยุ่งยาก และยูทูปเบอร์ส่วนใหญ่ชอบใช้ ผมอยากแนะนำให้ลองเริ่มแบบนี้ครับ อยากให้ลองเริ่มหาคีย์เวิร์ดสักตัวสองตัวที่จะใช้เป็นชื่อคลิป ตั้ง Tag ของวิดีโอ หรือใส่ลงใน Description Box โดยค้นหาว่าตอนนี้อะไรเป็นประเด็นที่ถูกค้นหามาก เพื่อทำให้วิดีโอมีคนเข้าถึงง่าย ๆ แล้วอีกเรื่องที่จะลืมไม่ได้เลยสำหรับการทำ Video SEO คือการตอบโต้ของผู้ชมด้วยวิธีต่าง ๆ ทั้งการ Comment, Share, Like และ Subscribe อัลกอริทึมของแพลตฟอร์มนั้น ๆ จะตรวจจับ และดันวิดีโอให้เข้าถึงผู้ชมได้มากขึ้นตามยอดนั่นเองครับ
365-Degree Video Content: หรือที่คนไทยเรียกติดปากกันว่ากล้อง 360° หลาย ๆ คนอาจจะคุ้นเคยกับมันจากการไถเฟซบุ๊กไปเรื่อย ๆ แล้วไปเจอภาพที่มันหมุนรอบได้ 360° ส่วนภาษาทางการมันก็คือการทำวิดีโอคอนเทนต์จากเทคโนโลยีเสมือนจริง เมื่อก่อนไม่มีแบรนด์ไหนกล้าทำหรอกครับเพราะมันแพง แต่พอ Youtube และ Facebook รองรับ คนสนใจทำแคมเปญการตลาดด้วยเจ้าสิ่งนี้มากขึ้น ราคาถูกลง จนทำให้กลายเป็นเทรนด์ในปัจจุบัน เช่น Hongkong Airline ใช้เทคโนโลยีนี้ในการทำวิดีโอโปรโมทเที่ยวบินชั้นธุรกิจของตนเอง พบว่ายอดคนดูเพิ่มขึ้นถึง 29% มากกว่าวิดีโอเดิมภายในเวลาเพียงแค่ 2 วัน
ตัวเลขด้านล่างจะเป็นเปอร์เซ็นที่จะบอกคุณว่าการทำการตลาดแบบนี้ปังแค่ไหน
70% ของผู้ชมแชร์วิดีโอออกไป
72% ของผู้ประกอบการบอกว่าวิดีโอช่วยเพิ่มอัตราการสนทนา
52% ของลูกค้าบอกว่าการดูวิดีโอทำให้กล้าตัดสินใจซื้อของออนไลน์มากขึ้น
65% ของ Executive เข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์การตลาด และอีก 39% โทรหา Vender หลังจากดูวิดีโอ
4. Influencer Marketing
คือการตลาดออนไลน์ที่ใช้ผู้มีอิทธิพลทางโลกโซเชี่ยล อาจจะเป็นดาราที่เรารู้จักกันดี หรือเป็นคนที่มียอดผู้ติดตามเยอะ และสามารถทำให้ธุรกิจหรือสินค้าของเราเป็นที่รู้จักในวงกว้างจาก Youtube Facebook Instagram หรือ Tiktok ได้
Influencer Marketing ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นการตลาดที่ได้ผลตอบรับดีจริง จากการค้นคว้า Mediatrix คาดการณ์ว่าโฆษณาที่จ้างอินฟลู อาจทำกำไรได้ถึง 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2021 นี้
The Forecast กล่าวว่ามูลค่าของ Instagram influencer เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2017 และสามารถทำกำไรได้มากถึง 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 อึ้งกันไปเลยสินะครับ เรามาดูกันดีกว่าว่าเขาทำกันอย่างไร
ผมจะยกตัวอย่างให้เห็นง่าย ๆ จากแบรนด์ที่นำการตลาดรูปแบบนี้ไปทำและได้ผลสำเร็จจริง หนึ่งในนั้นคือ Daniel Wellington แบรนด์นาฬิกาหรูใช้งบประมาณไปกับการจ้างคนดัง และผู้มีอิทธิพลในโลกโซเชียลระดับไฮเอนเช่น Sarah-Lola และ @meiinpsn แคมเปญนี้เรียบง่าย แต่ได้ผลตอบรับดีเยี่ยม ผู้คนสนุกไปกับการโพสต์ภาพของตนเองตามดาราที่ชอบผ่านแฮชแท็ก #denielwellington และในช่วงแคมเปญนี้มีคนติดตามแบรนด์เพิ่มขึ้นอีกถึง 3.2 ล้านคนเลยทีเดียวครับ
63% ของลูกค้าเชื่อมั่นในความคิดเห็นของอินฟลูเอนเซอร์มากกว่าคำพูดของแบรนด์
58% ของลูกค้าซื้อสินค้าที่จำหน่ายมาแล้ว 6 เดือนเพียงเพราะอินฟลูเอนเซอร์แนะนำ
5. Data Driven Marketing
เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ผมอยากให้ทุกคนลองทำกัน ขั้นตอนนี้ทำได้ไม่ยาก เริ่มจากการเก็บข้อมูลจากการที่เราคุยกับลูกค้า แล้วนำมาวิเคราะห์หาอินไซต์ เรื่องอินไซต์ผมเขียนไว้ช่วงต้นเดือนธันวาคมนะครับ ใครที่ยังไม่ได้ลองอ่านก็อ่านดูจาก Blog นี้ก่อนได้นะครับ เพื่อที่ทุกคนจะได้เข้าใจข้อมูลตัวนี้อย่างถ่องแท้ หลังจากนำข้อมูลมาทำอินไซต์ เราจะเข้าใจลูกค้ามากขึ้น แน่นอนว่ามันจะทำให้เราวางกลยุทธ์แม่นยำขึ้นไปด้วยนั่นเองครับ
สิ่งสำคัญเลยคือเราควรจะรู้ว่า Data แบบไหนเป็นข้อมูลที่ดี และต้องมีการจัดเก็บข้อมูลให้สดใหม่อยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้แปลว่าข้อมูลเก่าจะไร้ค่าซะทีเดียวนะครับ เพราะเรายังสามารถเอามาใช้เปรียบเทียบ เพื่อเป็นแนวทางวางแผนต่อไปในอนาคตได้
ว่าแต่ Data ที่มีเราเอาไปใช้ทำอะไรได้บ้าง?
ถ้าคุณทำแคมเปญการตลาดในหลายช่องทาง Data ที่มีจะช่วยบอกว่าช่องทางไหนดีที่สุด
อย่าง The Weather Channel ขายพื้นที่โฆษณาให้กับบริษัทต่าง ๆ โดยการวิเคราะห์ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์กว่า 3 ล้านคน เช่น บริษัทที่ขายแชมพูลดการชี้ฟู สามารถซื้อโฆษณาและเผยแพร่ให้กับกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในสภาพภูมิอากาศชื้นได้
หรือ NETFLIX และบริษัทสตรีมมิ่งคู่แข่งอย่าง Spotify ก็ใช้ข้อมูลที่เก่าที่ตนมี นำเสนอเพลงหรือซีรีส์เรื่องใหม่ ๆ ที่ตรงใจให้ลูกค้า
นี่คือเทรนด์ทั้งหมดที่ผมนำมาฝากในปีนี้ ยังไงก็อย่าลืมนำกลยุทธ์พวกนี้ไปปรับใช้กันนะครับ ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการทำการตลาดในปี 2021!