เคยสงสัยกันใช่ไหมว่า ทำไมแบรนด์บางแบรนด์ถึงได้ทำคอนเทนต์ออกมาได้ทันจังหวะของกระแสเรื่องราวที่สังคมกำลังเป็นที่สนใจในตอนนั้นได้ไวจัง
เราเองพยายามที่จะทำแล้ว แต่ก็ไม่เคยจะตามทันสักที กว่าจะคิด กว่าจะเขียน กว่าจะออกแบบอารต์เวิร์คออกมา สุดท้ายกระแสนั้นก็หายไป เปลี่ยนไปสนใจเรื่องอื่น ๆ กันซะแล้ว
ครั้งนี้เรากำลังจะพูดถึงเครื่องมือ Social Listening Tool โดยนินจาการตลาดหยิบเอาตัวอย่างของผู้สร้างเครื่องมือติดตามเทรนด์การสื่อสารออนไลน์อย่าง DOM ของ Insight Era มาให้พวกเราได้รู้จักกัน
บอกเลยว่าตั้งแต่ที่นินจาการตลาดเริ่มใช้มา ทำให้ช่วยวิคราะห์ธุรกิจของลูกศิษย์หลาย ๆ คนได้ดีมาก ๆ
เรารู้ว่าลูกค้ากำลังสนใจอะไร เรารู้ได้ว่าคู่แข่งกำลังสื่อสารอะไร เราเห็นภาพรวม ภาพใหญ่ ภาพย่อย ของวงการธุรกิจของเราเองได้ทั้งหมด
รบ 100 ครั้ง โอกาสชนะ 100 ครั้ง ไม่ใช่เรื่องไกลเกินตัวเลย ถ้าเรามีเครื่องมือแบบนี้อยู่กับธุรกิจตัวเอง
ถ้าพร้อมแล้ว เริ่มเล่าเลยนะครับ
เครื่องมือตัวนี้เราจะเรียกมันว่าเป็น Social Listening Tool ตัวหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการใช้งาน โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดย่อมครับ ซึ่งเป็นเพราะอะไรที่ทำให้ธุรกิจขนาดย่อมนิยมใช้กัน เดี๋ยวตอนท้าย ๆ จะสรุปฟังอีกทีนะครับ
ตอนนี้เรามาดูกันในเรื่องของฟีเจอร์หรือฟังก์ชั่นน่าสนใจ ที่จะช่วยธุรกิจของเราได้กันครับ
มองเห็นว่าลูกค้ากำลังสนใจอะไร
ไม่ว่าเป็นจำนวนยอดวิว หรือยอดการมีส่วนร่วม DOM สามารถสรุปข้อมูลเป็นกราฟให้เราได้ดูและทำความเข้าใจได้อย่างง่าย โดยเราสามารถกำหนดคีย์เวิร์ดของกลุ่มหรือประเภทเนื้อหาที่ลูกค้ากำลังสนใจได้ด้วยตัวเอง
มองเห็นว่าคู่แข่งกำลังสื่อสารอะไร
การไล่ดูคอนเทนต์ตามสื่อโซเซียลทีละแหล่ง ทีละจุด คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ เพราะ กำลังทรัพยากรและเวลาของธุรกิจเราช่างจำกัดนัก ดังนั้น DOM จึงออกแบบให้เราสามารถกำหนดชื่อของคู่แข่ง หรือธุรกิจที่เรากำลังสนใจ โดยระบุคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนั้น ๆ ลงไป แล้วระบบของ DOM จะช่วยแยกมาให้ว่าใครบ้างที่สื่อสารอยู่ สื่อสารเรื่องอะไร มีสัดส่วนการสื่อสารมากน้อยแค่ไหนเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น ๆ รวมถึง มีความสนใจจนถึงขั้นมีส่วนร่วมของลูกค้ามากน้อยแค่ไหนด้วย
มองเห็นรูปแบบเนื้อหาที่วงการธุรกิจของเราสื่อสารกัน
บนโซเซียลมีเดียนั้นมีข้อมูลมากมายมหาศาล การที่เราสามารถตีให้แตก แยกออกมาเป็นกลุ่ม ๆ ได้นั้น จะทำให้เราเห็นมากกว่าคนอื่น ๆ แล้วการเดินเกมสื่อสารการตลาดของเราจะมีทิศทางที่เข้ากันกับกลุ่มเป้าหมายที่มาพร้อม ๆ กับกระแสได้ง่ายกว่า
DOM ช่วยทำให้เราแยกกลุ่มประเภทของเนื้อหารูปแบบต่าง ๆ ได้ครับ เช่นเดียวกันกับตอนที่เรากำหนดชื่อคู่แข่ง แล้วก็ใส่คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวกับคู่แข่งรายนั้น ๆ ลงไปในระบบ เพราะเราทำแบบเดียวกันได้คือ กำหนดรูปแบบของเนื้อหา เช่น ให้ความรู้ บันเทิง โปรโมชั่น วิธีการใช้งาน ฯลฯ โดยแต่ละรูปแบบก็จะมีการกำหนดคีย์เวิร์ดที่ต่างกันออกไป เพื่อให้ระบบช่วยแยกให้ได้ว่า ส่วนใหญ่แล้วคนบนโซเซียลมีเดียนั้นเขาสนใจอะไรเป็นสัดส่วนเท่าไหร่อย่างไรบ้าง
มองเห็นว่าช่วงเวลา Active Time ของวงการธุรกิจเราคือช่วงเวลาไหน
ระบบของ DOM จะช่วยสรุปให้เราเห็นเป็น Heat Map ที่ทำให้เราเข้าใจภาพรวมของช่วงเวลาในการโพสต์และช่วงที่เกิดการมีส่วนร่วมเยอะที่สุดในรอบสัปดาห์
มองเห็นว่า Influencer ไหน พูดเรื่องนี้ด้วยแนวทางไหนบ้าง
ต้องบอกว่าการสื่อสารด้วยการใช้สื่อสายเมาท์ (Earned Media) นั้น กำลังเป็นกระแสที่แรงต่อเนื่องไม่มีหยุดเลย เพราะการสื่อสารกด้วยวิธีนี้อย่างถูกต้อง ถูกคน ถูกทาง จะช่วยทำให้แบรนด์มีโอกาสในด้านเป้าหมายง่ายขึ้นเท่าทวีคูณ
ปัญหาก็คือที่ผ่านมาเราใช้วิธีการเลือก Influencer กันด้วยการประเมิณจากข้อมูลที่มีอยู่แค่ไม่มีมิติ เช่น ดูจากยอดผู้ติดตาม หรือดูจากยอดการมีส่วนร่วมเท่านั้น ซึ่งอย่างที่เราทราบครับว่า หากเราไม่ได้เป็นแอดมินจริง ๆ ก็คงไม่สามารถเห็นข้อมูลเชิงลึกไปกว่านี้ได้
อีกประเด็นคือ กว่าจะไล่ดู Influencer ครบแต่ละคนได้ คงใช้เวลามากเอาการ และอาจจะมีตกหล่นบางคนไปด้วย ซึ่งอาจเป็นการตกหล่นแบบ หล่นจริง ๆ ไม่ทันคิดถึง Influencer คนนี้จริง ๆ รวมถึง เป็นการตกหล่นแบบตั้งใจ เพราะคิดว่า Influencer คนนี้ไม่น่าจะมีผลลัพธ์ที่ดีต่อแบรนด์ของธุรกิจเรา ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้ว ถ้ามี DOM ช่วย อาจจะทำให้เห็นได้ว่า เขานั้นมีตัวเลขที่น่าสนใจที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายของเราก็ได้
มองเห็นว่าใครกำลังพูดเชิงลบกับแบรนด์เราหรือคู่แข่งบ้าง
DOM มีการแบ่งสัดส่วนของรูปแบบเนื้อหาออกเป็น 3 เรื่องครับ คือ
- Positive
- Neutral
- Negative
ซึ่งทั้งสามรูปแบบนี้จะถูกประมวลผลให้อัตโนมัติ หรือเราเองอาจจะกำหนดคีย์เวิร์ดเอาไว้ล่วงหน้าก็ได้นะ ซึ่งจะทำให้เราให้มิติที่ซ้อนทับเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นมิติที่สำคัญมาก ๆ ด้วย
แจ้งเตือนทันที เมื่อมีใครพูดถึง
อีกฟีเจอร์หนึ่งที่นินจาการตลาดชอบมาก ๆ เพราะช่วยเราได้เยอะเลย โดยเฉพาะสินค้าหรือบริการของแบรนด์ที่มีความสุ่มเสี่ยงให้เกิดการเข้าใจคลาดเคลื่อนของลูกค้าได้
ซึ่งแน่นอนครับว่า ถ้าเรารู้ไว การแอคชั่นเพื่อเข้าไปแก้ปัญหานั้นก็จะไวด้วย เรื่องราวที่อาจบานปลายใหญ่โต ก็อาจะกลายเป็นเรื่องเล็ก หรืออาจพลิกกลายเป็นได้ใจลูกค้าให้กลับมารักเราเหมือนเดิมด้วย
ว่ากันด้วยเรื่องของการสื่อสารการตลาดที่เจาะจงตามเทรนด์ให้ทัน ซึ่งมีวิธีการและแนวทางอยู่หลากหลายนะครับ ซึ่งวันนี้จะเจาะเอาเฉพาะเทคนิคที่ไม่ค่อยมีคนใช้มาก เหตุผลส่วนหนึ่งก็เพราะธุรกิจส่วนใหญ่เห็นว่ามันไม่ฟรีครับ มีต้นทุน จึงมีแต่ธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีงบประมาณชัดเจน มักจะนำ Social Listening Tool มาใช้กันเยอะกว่าธุรกิจขนาดย่อม
ถึงกระนั้นแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะมองข้ามนะครับ แม้ว่าเราจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กก็ตาม เพราะสิ่งที่นินจาการตลาดเล่าให้ฟังนั้น มันช่วยทำให้ธุรกิจเราเติบโตก้าวกระโดดได้เลย หากใช้เครื่องมือเหล่านี้เป็น อ้อ ที่สำคัญคือถึงนาทีนี้แล้ว ต้นทุนในการใช้เครื่องมือเหล่านี้ถูกกว่าแต่ก่อนมาก ยิ่งถ้าเป็นเครื่องมือของ DOM InsightEra ที่นินจาการตลาดจะเล่าให้ฟังตัวนี้ บอกเลยว่าทำราคาออกมาถูกอกถูกใจธุรกิจรายย่อยอย่างเรา ๆ มาก
ใครสนใจก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดของระบบนี้กันได้นะครับ ลองแจ้งว่ามาจากนินจาการตลาด จะได้มาทดลองใช้และอาจได้ส่วนลดพิเศษด้วยนะ