เมื่อวานนี้ (16 ต.ค. 2562) ทาง LINE ได้ปล่อยฟีเจอร์ตัวใหม่ใน LINE Official Account (LINE OA) ออกมา นั่นก็คือ “Message Card” ตัวช่วยที่จะทำให้คุณบรอดแคสต์ข้อความได้สนุกมากยิ่งขึ้นในรูปแบบการ์ดข้อความ
“Message Card” (การ์ดข้อความ) เป็นการส่งข้อความรูปแบบใหม่ ที่เราสามารถใส่รูปสินค้า สถานที่ บุคคล หรือภาพได้บนการ์ดเหล่านั้น เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการตอบกลับและบรอดแคสต์ข้อความผ่าน LINE OA
อ่านต่อ
จุดเด่นของฟีเจอร์นี้ก็คือ สามารถบรอดแคสต์ Message Card ได้มากถึง 9 การ์ดต่อครั้ง (ต้องเป็นการ์ดประเภทเดียวกัน) และสามารถใช้งานร่วมกับ Auto-Reply Message ได้ด้วย ! โดยเวลาที่บรอดแคสต์ข้อความออกไป การ์ดข้อความของเราจะออกมาในรูปแบบ Carousal ซึ่ง Follower ของเราสามารถสไลด์ด้านข้างเพื่อดูข้อความทั้งหมดได้เลย และเมื่อคลิกบนการ์ดข้อความ ก็สามารถเด้งไปอีกหน้าเว็บหนึ่งตามที่เราได้ทำลิงก์ไว้ อารมณ์เหมือนเราทำ click to website บนแพลตฟอร์มอื่น ๆ นั่นเอง
ขอย้อนกลับมาพูดถึงประเภทของการ์ดข้อความกันสักหน่อยนะ ว่าใน 1 การ์ดมีส่วนประกอบอะไรบ้าง และแต่ละประเภทของการ์ดต่างกันยังไง จะได้เลือกใช้งานได้อย่างถูกประเภท เพื่อให้การบรอดแคสต์ข้อความของเรามีประสิทธิภาพมากที่สุด !
ตัว Message Card จะมีองค์ประกอบหลัก ๆ อยู่ 3 จุดด้วยกัน ได้แก่ Banner, Call-to-action และชื่อการ์ด
- Banner เป็นส่วนที่มีอยู่ในการ์ดทุกประเภท ใช้เพื่อเป็นคำไฮไลต์ว่าตัวการ์ดนี้จะนำเสนออะไร เช่น NEW สำหรับสินค้าออกใหม่ หรือ SALE สำหรับสินค้าโปรโมชัน เพื่อให้การ์ดข้อความของเราน่าสนใจมากขึ้น โดยเราสามารถเลือกสีพื้นหลังได้ (ตามที่มีในระบบ) และใส่ข้อความได้ไม่เกิน 10 ตัวอักษร
- Call-to-Action ก็คล้าย ๆ กับแพลตฟอร์มอื่น ๆ เลย คือการสร้างปุ่มให้ลูกค้ากดเพื่อลิงก์ไปสู่หน้าเว็บอื่น ๆ ที่เราได้ต้องการให้ลูกค้าเข้าไป เช่น ดูสินค้าทั้งหมด ก็จะลิงก์ไปหน้าเว็บเพจของเราที่เป็น Product Categories เพื่อให้ลูกค้าเลือกชมสินค้าได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมสั่งซื้อได้ทันที
ปล. การ์ดแบบสินค้า สถานที่ และบุคคล จะใส่ปุ่ม Call-to-Action ได้สูงสุด 2 ปุ่ม ส่วนการ์ดแบบรูปภาพจะใส่ได้แค่ปุ่มเดียวเท่านั้นนะ
- ชื่อการ์ด ก็อารมณ์เดียวกับการใส่ชื่อสินค้าหรือบริการลงไปนั่นแหละ เพื่อให้ลูกค้ารับรู้ว่าสิ่งที่เรานำเสนอไปให้เขาคืออะไร
ประเภทของ Message Card
1. สินค้า
.
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นการ์ดแบบสินค้า แน่นอนว่าก็ต้องเน้นการขายสินค้าหรือบริการอยู่แล้ว ซึ่งรูปแบบการ์ดประเภทนี้จะเน้นที่ราคาเป็นหลัก และใส่ภาพสินค้าที่คิดว่าสวยที่สุด ดึงดูดความสนใจลูกค้าได้มากที่สุดลงไป หรือจะใส่ภาพแบบ Collage ก็ได้ หรือนำภาพมารวมกันบนภาพเดียวได้สูงสุด 3 ภาพก็ได้เช่นกัน พร้อมกับคำอธิบายสินค้า แบนเนอร์คำ และสามารถใส่ Call-to-Action ได้ถึง 2 ปุ่ม เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดการกระทำอะไรบางอย่างกับการ์ดข้อความของเรา
2. สถานที่
.
รูปแบบนี้จะมีความคล้ายกับแบบสินค้าเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใส่รูปภาพแบบ Collage หรือการใส่ปุ่ม Call-to-Action ได้ 2 ปุ่ม ฯลฯ แต่ความต่างก็คือแบบสถานที่สามารถลิงก์กับแผนที่ได้เลย และเลือกใส่เป็นเวลาหรือราคาก็ได้
3. บุคคล
.
รูปแบบนี้จะแตกต่างจากชาวบ้านมากที่สุด คือคล้ายกับการแจกนามบัตรเลย โดยจะมีรูป ชื่อ และคำอธิบายเพื่อนำเสนอตัวเอง เพื่อให้ลูกค้าเลือกคนที่ถูกใจมากที่สุดแล้วติดต่อไป
.
เหมาะสำหรับกิจการร้านทำผม ทำเล็บ ร้านนวด หรือคลินิกเสริมความงามที่มีช่างหรือหมอประจำอยู่ที่ร้าน เพื่อจะได้จองคิวได้เลย โดยการ์ดข้อความแบบบุคคลจะไม่มี Banner แต่จะใช้เป็น Tag แทน เช่น “ทำสี”, “ดัดผม” ซึ่งสามารถใส่ได้สูงสุด 3 แท็ก และใส่ปุ่ม Call-to-Action ได้ 2 ปุ่ม
4. รูปภาพ
.