แน่นอนที่ผ่านมาคุณอาจจะเคยได้ยินคําว่า Content is King และมันก็ยังจะเป็นอย่างนั้นอีกตลอดไป แต่ทว่า คุณจะทําคอนเทนต์อะไรไปเสิร์ฟกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ ?
.
ในยุคก่อนที่โฆษณาอยู่บนสื่อหลัก การทําโฆษณาหรือคอนเทนต์ต่าง ๆ ยังไม่ได้เป็น Personalize รุนแรงเท่ากับปัจจุบัน เมื่อก่อนคอนเทนต์เดียว โฆษณาเดียว คนดูทั้งประเทศ แต่ในปัจจุบันยุคของออนไลน์นั้น การที่นักการตลาดจะเลือกคอนเทนต์สักคอนเทนต์หนึ่ง โฆษณาสักโฆษณาหนึ่งไปให้คุณดู พวกเขาเหล่านั้น เลือกให้คุณดูจาก “Data” หรือ “ข้อมูล” ของคุณนั่นเอง พฤติกรรมการใช้งานของคุณ ช่วงเวลาที่คุณใช้ งานโซเชียลมีเดีย สถานที่ที่คุณเช็คอิน แม้กระทั่งในเวลาที่คุณหลับ นั่นคือสิ่งที่สามารถแบ่งพวกคุณ ออกเป็นกลุ่ม ๆ ด้วย AI อันแสนฉลาดของ Facebook ตอนนี้ Facebook รู้จักคุณมากกว่าที่คุณรู้จักตัวคุณ เองเสียอีก
แม้ Data จะแม่นยําขนาดไหนก็แล้วแต่ แต่ยังไงแล้ว มนุษย์ก็ยังมีอารมณ์ มีความสุข ความทุกข์ อารมณ์ขัน อารมณ์จริงจัง ซึ่งเป็นขีดจํากัดที่ AI ในปัจจุบันยังทําไม่ได้ ดังนั้นแล้วการสร้างโฆษณาสักตัวหรือคอนเทนต์นั้น ต้องอาศัย Creativity จากมนุษย์ของเรา AI ของ Facebook นั้นทําหน้าที่แค่เพียงนําส่งโฆษณาไปยังกลุ่มคนที่เราได้ทําการตั้งเอาไว้ ซึ่งก็คือ Data ที่เราได้ทําการเก็บเอาไว้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด เมื่อคุณได้ กลุ่มเป้าหมาย กับ คอนเทนต์แล้ว คุณต้องทําการ Test ทุกครั้ง เพราะสิ่งที่คุณทําขึ้นมายังเป็นแค่สมมติฐานของคุณ การ Test หรือทดสอบเท่านั้น ที่จะนําพาคุณไปหา Super Ads
ใช่แล้วครับ คุณอ่านไม่ผิดหรอก ถ้าอยากอยู่รอดภายในปี 2020 คุณต้องสวมบทเป็นลูกค้าของคุณ 1 วัน ต้องรู้ให้ได้ว่าตั้งแต่ลูกค้าของคุณลืมตามา จนจะห่มผ้าเข้านอนเขาทําอะไรบ้าง กินอะไร เดินทางอย่างไร ทํางานเวลาไหน กินข้าวเวลาไหน รับลูกเวลาไหน ตอนกลางคืนไปเที่ยวที่ไหนหรือไม่ เข้านอนกี่โมง และอื่น ๆ ซึ่งเหล่านี้นั้นยิ่งถ้าคุณลิสต์ออกมาได้เยอะเท่าไหร่ คุณจะมีคลังข้อมูลในการทําคอนเทนต์อย่างมหาศาล และยิ่งคุณได้ข้อมูลมากเท่าไหร่ การทําคอนเทนต์หรือโฆษณาของคุณจะเป็น Personalize มากยิ่งขึ้นเท่านั้น และมันจะส่งผลให้ลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมายของคุณมีโอกาสที่จะจดจําคุณได้
หลายคนชอบลืมลูกค้าเก่า พยายามหาปลาใหม่จากน่านน้ำเดิม ทําให้ต้องไปแข่งราคาโฆษณากับคนอื่น ส่งผลให้ค่าโฆษณาของคุณแพง และโอกาสในการปิดการขายก็น้อยด้วย เพราะเขายังไม่รู้จักคุณ สิ่งที่จะทําให้คุณอยู่รอดในปี 2020 คือ คุณต้องรักษาอัตราการซื้อซํ้า (Retention Rate) ให้ได้มากที่สุด ซึ่งการที่จะทําให้ได้แม่นยํา คุณต้องมีการวางแผนการสร้าง Custom Audience อย่างละเอียดไว้ตั้งแต่แรก
.
ขุดบ่อน้ำของตัวเองไว้บ้าง เพื่อบ่มเลี้ยงลูกค้าที่ยังไม่พร้อมซื้อซ้ำในตอนนี้ แต่ให้ลูกค้ายังอยู่ในสายตาเรา รอวันที่พร้อมจริง มีความต้องการซื้อจริงอีกครั้ง จะได้ไม่เสียโอกาสการขาย
ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงว่า คุณต้องให้ลูกค้าของคุณไปขายตรงนะครับ เรากําลังหมายถึง Lookalike (LAL) ที่จะแม่นยํากว่าเมื่อก่อน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณต้องทําการ Segment Audience ของคุณมาชัดเจนตั้งแต่แรกแล้วนะครับ เช่น LAL Custom Audience ของ Inbox 30 วัน, LAL Purchase เป็นต้น ถ้าหากคุณแบ่งออกมันมาอย่างละเอียดตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว รับรองได้ว่า Look A Like ของคุณจะมีความแม่นยําในการหากลุ่มเป้าหมาย ที่ใกล้เคียงกับคนที่คุณต้องการ และมีโอกาสในการทํา Remarketing ได้แม่นยํากว่าการทํา LAL แบบไม่ได้ Segment แต่แรก
ในปี 2020 ถ้าหากใครยังหวังพึ่งกับโฆษณา Facebook เพียงอย่างเดียวนั้นอาจจะไม่เวิร์คอีกต่อไปแล้ว เราต้องทําให้มันเป็น Full Ecosystem ต้องให้ลูกค้าไปตรงไหนก็เจอเรา เช่น เห็นโฆษณาเราผ่าน Facebook แล้ว หาข้อมูลต่อใน Pantip ไม่พอ แถมยังเข้ามาดูอีกใน Youtube ก่อนที่จะเข้าเว็บไซต์มาซื้อ หรือ Inbox มาซื้อ
.
จะเห็นได้ว่าการเดินทางของลูกค้าก่อนที่จะซื้อค่อนข้างจะละเอียด และถ้าเราไปหย่อนคอนเทนต์ของเราไว้ใน ทุก Platform ย่อมมีโอกาสที่จะขายได้มากกว่าการพึ่ง Facebook Ads อย่างเดียว การเก็บ Pixel เพื่อทํา Conversion Ads จะสําคัญและเข้มข้นมากในปี 2020 เพราะเราต้องพยายามเก็บกลุ่มคนที่มีโอกาสจะเป็นลูกค้าของเรามากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการที่เขาเข้ามาดูแล้วออกไป หรือนําสินค้าเรามาลงตะกร้าแล้วไม่เอา ต่าง ๆ เหล่านี้ Conversion Ads สามารถทําได้
ข่าวดีสําหรับปี 2020 คือ คนจะซื้อของยากขึ้นกว่าเดิม !
.
พฤติกรรมของพวกเขาเปลี่ยนไปมากจากเมื่อก่อน การซื้อของออนไลน์ของพวกเขาเริ่มเคยชินกับการใช้แอปลิเคชันโดยตรง เช่น Shopee, Lazada, JD และอื่น ๆ ซึ่งทําการซื้อขายได้ง่ายและรวดเร็วมากกว่า พวกเขาสามารถซื้อของ 10 ชิ้นภายในเวลาไม่ถึง 5 วินาทีได้แล้ว สถิติชี้ชัดว่าคนเริ่มจําวันแคมเปญพิเศษได้ เช่น 11.11, 12.12 และตั้งหน้าตั้งตารอที่จะซื้อของ จะสังเกตได้ว่าค่าแอดช่วงแคมเปญพิเศษนี้ แทบจะเรียกได้ว่าแทบทุบคอมทิ้งเลยกันเลยทีเดียว เนื่องจาก e-Commerce Platform เหล่านี้ได้ทําการอัดโฆษณากันอย่างมหาศาล ดังนั้นแล้ว ในปีหน้าที่คาดว่าตลาดออนไลน์จะโตต่อไปเรื่อย ๆ ถ้าหากเราไม่ได้สายป่านยาวอะไรขนาดนั้น หรือมีลูกบ้าดีเดือดที่จะไปสู้กับยักษ์ ก็แค่เกาะเขาไป เปิดร้านใน Shopee หรือ Lazada หรือกับเจ้าดัง ๆ และ พยายาม Lead คนให้ไปซื้อใน Platform เหล่านี้ เพราะลูกค้าค่อนข้างที่จะเชื่อมั่นในแบรนด์ของ Platform เหล่านี้พอสมควร
และในปี 2020 ที่จะถึงนี้ ก็ขอให้ทุกท่านประสบความสําเร็จในการทําธุรกิจออนไลน์นะครับ มีความสุขทั้งกายและใจ สุขภาพแข็งแรง เงินทองไหลมาเทมา สําหรับปี 2020 นี้นินจา การตลาด ก็จะยังอยู่คอยอัปเดตความรู้การตลาดออนไลน์ให้กับผู้ประกอบการ SME หรือคนที่สนใจในด้านการตลาดออนไลน์อยู่เรื่อย ๆ อย่า ลืมกดติดตามกันไว้นะครับ จะได้ไม่พลาดคอนเทนต์สุด Exclusive จากพวกเรานินจา การตลาด !