ถ้าใครไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง ก็เริ่มจากทำในสิ่งที่บทความนี้บอกไว้ได้เลย แต่ถ้าจะแอดวานซ์กว่านี้ เดี๋ยวค่อยว่ากัน
เพราะแค่ที่เห็นนี่ก็เยอะมากพอละ สร้างยอดหรือสร้างการเปลี่ยนแปลงได้มากละ ทำให้ครบเถอะ แค่นี่น่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไป อ่านต่อ…
อ่านต่อ
- จากประสบการณ์การสอนลูกศิษย์ หรือการ Consult หลากหลายธุรกิจ ของนินจาการตลาด ตั้งแต่ SMEs ไปจนถึงธุรกิจระดับประเทศมากมาย ทำให้ได้เห็นมุมมองทางการสื่อสารการตลาดมาหลายแบบ แต่แก่นที่หลายธุรกิจใช้ และขาดไม่ได้เลยจะมีอยู่หลัก ๆ 3 เรื่องด้วยกัน ได้แก่
.
- เรื่องแรก คือ BRAND : ต้องรู้จักว่าเราคือใคร ? สินค้าหรือบริการของเราสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างไร ? โดยเรื่องแรกนี้ ควรทำสิ่งต่าง ๆ อย่างน้อยตามนี้ครับ
.
- – กำหนดวัตถุประสงค์ของธุรกิจของเราด้วยกลยุทธ์ (Strategy Objectives) ว่าจะมีทิศทางและการดำเนินธุรกิจอย่างไรเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายของเรา ประเด็นนี้มองความอยากของตัวเองนี่แหละ อยากได้แค่ไหน
. - – หาจุดแข็งจุดอ่อนของเราด้วย SWOT จะช่วยให้เราเห็นจุดแข็งและจุดอ่อนจากปัจจัยภายใน (Strengths, Weaknesses) และเห็นโอกาสและอุปสรรคจากภายนอก (Opportunities, Threats)
.
ใช่ครับ SWOT จะต้องรู้จักคู่แข่งด้วย ซึ่งมันจะต้องวิเคราะห์ไปพร้อม ๆ กับเรื่องที่ 3. Competitors ที่ผมยังไม่ได้พูดถึง
. - – วิเคราะห์ทิศทางธุรกิจ และลูกค้าที่แท้จริงของเราได้ด้วย STP (Segmentation, Targeting, Positioning) ซึ่งประเด็นนี้มันจะต้องทำพร้อม ๆ กับเรื่องที่ 2. CLIENT ที่กำลังจะพูดต่อไปด้วย
- เอาละมาถึงเรื่องที่ 2 คือ CLIENT : รู้จักว่าลูกค้าเราคือใคร ? โดยเราต้องไปวิเคราะห์สิ่งเหล่านี้ให้ออกมาเป็นรูปธรรมที่สุดให้ได้ครับ
- – เมื่อได้กลุ่มลูกค้าที่แท้จริงจากการวิเคราะห์ BRAND ของเราแล้ว ก็ให้แยกลูกค้าของเราออกมาเป็นกลุ่ม ที่เรียกว่า Customer Segment เราจะได้พอรู้ว่า กลุ่มเป้าหมายของเราหน้าตาประมาณไหนบ้าง ?
- – เสร็จแล้วให้ลองวิเคราะห์แต่ละ Segment ที่แยกออกมา แล้วเลือกกลุ่มที่เราคิดว่าใช่ที่สุด ซึ่งกลุ่มนั้นจะเรียกว่า Customer Target ไอตรงนี้แหละ มันจะทำงานร่วมกับเรื่องแรก ตรงการวางตำแหน่ง Positioning ได้นั่นเอง
- – จากนั้นก็วิเคราะห์ Customer Insight ออกมา ว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของเรานั้นมีข้อมูลประชากรอย่างไร ? (Demographic), มีหน้าตาอย่างไร ? (Persona) จนกระทั่งมีพฤติกรรมอย่างไร ? (Behavior)
- – จากนั้นก็ทำ Custom Audience (การกำหนดกลุ่มเป้าหมายด้วยตนเองจากข้อมูลของ Platform ที่อนุญาตให้เก็บได้) เพื่อหากลุ่มที่ใกล้เคียงที่จะเป็นลูกค้าของเรามากที่สุด เพื่อส่ง Content หรือโฆษณาเข้าไปย้ำทำให้โน้มน้าวจากคนที่รู้จัก เป็นคนที่รักหรือซื้อสินค้าและบริการของเรา
Note : เมื่อเราได้ BRAND และ CLINET ที่ชัดเจน จะทำให้เราได้ “KEY MESSAGE/BIG IDEA” ในการสื่อสารการตลาดที่แข็งแรงได้ในระดับต้นแล้ว
- เรื่องที่ 3 คือ COMPETITOR : รู้จักว่าคู่แข่งของเราคือใคร ? อย่าลืมว่า มันไม่ได้มีแค่เราเท่านั้นครับที่นำเสนอข้อมูลสู่ลูกค้า มันยังมีคนที่เรียกว่าคู่แข่งอีก เราจะต้องพูดสื่อสารให้ลูกค้าอยากฟัง แล้วต้องเป็นการพูดที่คู่แข่งทำตามไม่ได้อีกด้วย ดังนั้น ต้องทำสิ่งเหล่านี้ในการวิเคราะห์คู่แข่งครับ
- – นอกจาก SWOT ที่มองในภาพใหญ่แล้ว เราสามารถหาสิ่งที่เราเหนือกว่าคู่แข่งได้ด้วยเทคนิค FABs เปรียบเทียบออกมาให้เห็นชัด ๆ ว่าอะไรที่เราเด่นกว่า ด้อยกว่า แล้วเลือกใช้ให้ถูกตลาด
- – เรียนรู้ประสบการณ์ที่คู่แข่งเรามอบให้กับลูกค้า เขาเคยทำเรื่องอะไรที่ลูกค้าประทับใจอยู่บ้าง
- – เรียนรู้ข้อผิดพลาดของคู่แข่ง เพื่อปรับแต่งสินค้าหรือบริการของเรา และใช้จุดแข็ง (จาก SWOT เรื่องแรก และ FABs) เพื่อสื่อสารทางการตลาดให้ได้เปรียบ
- และนอกเหนือจากการที่รู้ 3 ข้อบนทั้งหมดแล้ว ยังต้องวางแผนเรื่องของการสื่อสารการตลาดแบบรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น
- – การวางแผน Media Plan : คือการวางแผนสื่อโฆษณาออนไลน์ที่กลุ่มลูกค้าของเราใช้งานบ่อย (ซึ่งเราจะได้ข้อนี้จากเรื่องที่ 2. CLIENT)
- – การวาง Digital EcoSystem : คือการวางระบบนิเวศทางดิจิทัล หรือ อ.ออดี้ ใช้คำว่า จักรวาลสื่อสามสาย เพื่อสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างราบเรียบ สร้างประสบการณ์ที่ไร้รอยเชื่อมต่อ เหมือนกับเราตามไปแสดงผลกับกลุ่มลูกค้าทุกที่ ด้วยบริบทที่สมควรกับแต่ละ Platform เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกว่าเราไม่ได้ยัดเยียดการขายของจนมากเกินไป (ซึ่งเราจะได้จากเรื่องที่ 1+2 รู้ว่าเราคือใคร และเรากำลังสื่อสารอยู่กับใคร)
- – การทำ Content Strategy : คือการวางแผนคอนเทนต์เพื่อให้สอดคล้องกับจริตของกลุ่มเป้าหมายของเรา (ซึ่งเมื่อเราได้เรื่องที่ 2 และ 3 เราจะสามารถรู้ได้ว่ากลุ่มลูกค้าของเรามีจริตในการเสพคอนเทนต์และตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการอย่างไร)
- – การทำ Ads Optimization : คือการปรับแต่งโฆษณาเพื่อให้เข้ากับ Customer Journey (เส้นทางของกลุ่มลูกค้าที่ได้เจอกับสื่อโฆษณาของเรา จนกระทั่งสั่งซื้อสินค้าหรือบริการจากเรา)
ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นการสรุปแบบย่อยมาให้อ่านกันนะครับ ถ้าหากอยากรู้ละเอียดกว่านี้อาจจะเขียนไม่พอในหน้าโพสต์ของ Facebook แต่ว่าในวันที่ 20 กันยายนนี้ ทางนินจา การตลาด มีสัมมนาออนไลน์ฟรี ที่จะทำให้ธุรกิจของคุณ แย่งลูกค้า (CLIENT) มาจากคู่แข่ง (COMPETITOR) ได้โดยใช้อุปกรณ์แค่ตัวเดียว ! ถ้าอยากรู้ว่ามันทำงานอย่างไร ? และสามารถแย่งลูกค้าของคู่แข่งคุณได้อย่างไร ?
สามารถไปรอลงทะเบียนเรียนได้ที่กลุ่มไลน์นี้ https://line.me/R/ti/g/CoYE5heX2V รายละเอียดจะอยู่ในกลุ่มนะครับ แล้วเจอกันครับ