เตรียมพร้อมหรือยังกับการเปิดร้านค้าออนไลน์ในแฟลตฟอร์มที่อาจจะไม่ได้ใหม่ แต่เพิ่มยอดขายสุดปัง แถมยังทำให้ธุรกิจของคุณเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้นอย่างแน่นอน
คุ้นหูกันบ้างไหมครับ กับคำว่า S-Commerce หรือที่เรียกกันแบบเต็ม ๆ ว่า Social Commerce มันก็คือการขายของออนไลน์ผ่าน Social Media นั่นเองครับ ข้อดีของมันคือเป็นการขายที่เราเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น เพราะมันเป็นช็อปที่เปิดในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เราเล่นกันอยู่แล้วในปัจจุบัน ไม่เหมือนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ที่ลูกค้าต้องเข้าไปหาเราเอง
สงสัยกันไหมครับว่า ทำไมช่วงนี้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ถึงออกฟังชันที่เอื้อต่อการช็อปปิ้งออนไลน์กันไม่พักเลยทั้ง Facebook, Instagram, LINE และล่าสุดก็มีแว่ว ๆ มาเหมือนกันว่า youtube จะเปิด S-commerce ด้วยเหมือนกัน
ผมว่าพอทุกคนเห็นตัวเลขก็อาจจะเข้าใจมากขึ้นนะครับ ว่าทำไมแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ถึงดาหน้ากันมาเปิด Shop แบบนี้ จากยอดซื้อออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นแบบไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ COVID-19 ระบาดแบบนี้ ยิ่งกระตุ้นให้คนซื้อของออนไลน์เพราะออกจากบ้านไม่ได้ จากผลสำรวจพบว่า 85% ของคนทั่วโลกหันมาซื้อของออนไลน์ แต่แพลตฟอร์มไหนล่ะ ที่จะตอบโจทย์ที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ วันนี้นินจาการตลาดจะพามาหาคำตอบไปด้วยกันครับ
เรามาเริ่มกันด้วยแอปพลิเคชันยอดฮิตขวัญใจคนไทยอย่าง Facebook กันดีกว่า
Facebook Shop เพิ่มยอดขาย ด้วยโซเชียลที่คนไทยใช้มากที่สุด
Facebook ต้อนรับ New Normal เปิดพื้นที่โฆษณาให้ร้านออนไลน์ หรือแอปช็อปปิ้งของบริษัทต่าง ๆ ให้เข้ามาแสดงบนเว็บไซต์ได้
หลาย ๆ คนคงจะสงสัยล่ะสิว่าในเมื่อ Facebook มีส่วนของ Market place อยู่แล้ว ทำไมถึงยังเปิดส่วนของ Shop เพิ่มอีก นั่นเป็นเพราะว่าถ้าเราจะซื้อของใน Market place สักชิ้น เราต้องกดลิงก์ที่ทางร้านใส่มาใช่ไหมล่ะครับ เมื่อเรากดลิงก์นั้นมันจะเด้งไปอีกหน้านึง Facebook เห็นถึงความยุ่งยากในจุดนั้น จึงเกิดเป็น Shop แบบทุกวันนี้นั่นเอง
ในส่วนของการใช้งาน เราสามารถสร้างหน้าร้านเหมือนแอปขายของออนไลน์ทั่วไปได้ฟรี ๆ โดยผมจะยกฟีเจอร์น่าสนใจมาคร่าว ๆ นะครับ อย่างแรกเลยคือผู้ขายสามารถเลือกรูป และปรับสีให้เข้ากับสินค้าตัวเองได้เอง costumize กันได้ตามใจชอบเลยครับ ส่วนใครที่ไม่ได้มีกำลังในการทำอาร์ตเวิร์คมากนัก ไม่ต้องกังวลครับ เพราะเขามี template สำเร็จรูปให้ใช้ด้วย และอีกหนึ่งฟังก์ชันที่ผมมองว่าเป็นไฮไลท์เลยสำหรับร้านที่ชอบไลฟ์ขายของ ก็คือเราสามารถ Tag สินค้าที่ Live อยู่ให้ผู้ซื้อกดซื้อได้เลยอีกด้วยครับ บอกเลยว่าสะดวกสุด ๆ
แถมลูกค้าก็ยังเข้าไปใช้งานง่าย ๆ ได้ทั้งในเว็บไซต์ และบนแอป Facebook เลยครับ
Facebook Shops เหมาะกับใคร ?
อย่างที่หลาย ๆ คนทราบกันดีว่าโซเชียลมีเดียที่คนไทยใช้มากที่สุดคือ Facebook ผมมองว่าถ้าเราเปิดร้านขายของออนไลน์ใน platform นี้ก็น่าจะเป็นช่องทางที่เข้าถึงคนไทยได้มากที่สุดครับ
ถ้าถามผมว่าธุรกิจไหนที่น่าใช้ Facebook Shops ผมคิดว่าจริง ๆ แล้วก็ใช้ได้กับทุกธุรกิจครับ แต่ควรเป็นธุรกิจที่มีรายละเอียดสินค้าครบถ้วน มีราคาที่ตายตัว และไม่ควรเป็นสินค้าที่ต้องมีการตกลงราคากันภายหลังครับ
สมัยนี้ความซื่อสัตย์ต่อลูกค้าเป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งเราอำนวยความสะดวกให้พวกเขา ใส่ราคา ใส่รายละเอียดสินค้าให้เขาอย่างครบถ้วนแบบไม่กั๊ก มีผลกับการตัดสินใจซื้อของลูกค้าสูงมากครับ
Instagram Shopping ลงรูปอย่างไร ให้ได้ยอดขาย?
IG Shopping ฟีเจอร์ที่จะช่วยลดขั้นตอนในการซื้อขายสินค้าออนไลน์ผ่าน IG แถมยังช่วยให้ปิดการขายได้ง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
โดยฟังก์ชันหลัก ๆ คือเราสามารถ Tag สินค้า พร้อมชื่อและราคาได้ อีกทั้งยังสามารถลิงก์รูปภาพและข้อมูลจากเว็บไซต์ หรือเอาลิงก์ Facebook ของคุณมาใส่ไว้ได้ด้วย เมื่อลูกค้าสนใจก็เพียงแค่กดดู view products ก็สามารถกดสั่งซื้อได้ทันที สำหรับใครที่อยากอ่านเรื่องนี้แบบละเอียด ผมได้เขียนไว้ใน Blog นี้แล้ว ไปตามอ่านกันได้เลยครับ
ฟีเจอร์ไอจีช้อปปิ้งอันนี้ไม่ได้ใช้ได้ทุกคนนะจ๊ะ จะต้องมีการ Approve account จาก IG ก่อนถึงจะสามารถใช้งานได้ สำหรับวิธีการใช้งานเจ้า IG Shopping เรื่องนี้ผมเคยเขียนไว้แล้วเหมือนกัน สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมจาก blog พวกนี้ได้เลยนะครับ
ทำไมเราถึงควรใช้ IG shopping ?
จากสถิติของปี 2020 พบว่า IG มีผู้ใช้งานต่อเดือนทั่วโลกถึง 1,000 ล้านคน มีผู้ใช้งานราว 130 ล้านคนกดดูแท็กรายละเอียดสินค้าในทุก ๆ เดือน รวมทั้งมีผู้ใช้งานราว 200 ล้านคนเข้าดูบัญชีของแบรนด์และธุรกิจหนึ่งบัญชีในแต่ละวัน
นอกจากนี้โฆษณาของ Instagram สามารถเข้าถึงผู้ใช้งานได้มากถึง 849.3 ล้านบัญชี แถมยังมีคนใช้ IG สตอรี่กว่า 500 ล้านคนต่อวันอีกด้วย
.
ใครที่กำลังอยากจะทำ IG Shopping แล้วเริ่มต้นไม่ถูก แนะนำให้ชมคลิปข้างล่างนี้ครับ ผมได้เล่ารายละเอียดไว้ค่อนข้างลึก พร้อมกับคุยกับนักธุรกิจตัวจริงที่ใช้ IG Shopping ทำการตลาดด้วย
LINE My Shop ตัวช่วยธุรกิจออนไลน์ สร้างยอดขายแบบ personalized
LINE My Shop คือเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มความสามารถด้านการขายบน LINE official account ให้ง่าย และมีประสิทธิภาพขึ้น จากเดิมที่ต้องทำใบสั่งซื้อเอง โต้ตอบกับลูกค้าเอง ไปจนถึงการต้องส่งสลิปโอนเงินกันไปมาเอง
ด้วยปัญหาทั้งหลายทั้งแหล่ที่ผมกล่าวมาข้างต้น ทำให้ LINE ออกฟีเจอร์มาเพื่อแก้ปัญหาการขายต่าง ๆ ที่ไม่สะดวก ให้ดีขึ้น เช่นมีการออกใบสั่งซื้อให้ มีระบบแคตตาล็อก และระบบชำระเงินที่ลูกค้าสามารถจ่ายผ่าน LINE ได้เลยโดยตรง
ส่วนไฮไลท์ที่ LINE ทำได้เหนือกว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ เลยคือความเป็น Personalize หรือความเป็นเฉพาะบุคคล การสนทนาบน LINE นั้นจะทำให้เราสามารถคาดเดา หรือ ดูพฤติกรรมของลูกค้าได้ชัดเจนกว่า อีกทั้งถ้าผสมเข้ากับเรื่อง Broadcast แบบเฉพาะเจาะจงบุคคลของ LINE Official Account ได้แล้ว จะทำให้เราสามารถ Broadcast เฉพาะกลุ่มเป้าหมายของเราจริง ๆ ที่มีโอกาสซื้อสูงได้อีกด้วย สำหรับใครที่ต้องการอ่านแบบเต็ม ๆ เข้าไปอ่านได้ใน Blog ที่ผมเคยเขียนไว้ได้เลยครับ
ใครบ้างที่ควรใช้ LINE My Shop
ผมแนะนำสำหรับคนที่มี LINE OA อยู่แล้ว และต้องมีผู้ติดตามอยู่บ้างครับ เพราะถ้าคุณไม่มีผู้ติดตามเลย อาจจะขายสินค้ายาก เพราะเป็นการขายผ่านแชท ดังนั้นผมจึงมองว่าอาจจะยังไม่เหมาะกับร้านที่ต้องเปิด LINE OA ใหม่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเปิดไม่ได้ซะทีเดียว เปิดได้ครับทาง LINE อนุญาต เพียงคุณจะต้องรีบเร่งหาผู้ติดตามเพิ่ม ถึงจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ของการสร้างร้าน LINE MyShop ขึ้นมาเท่านั้นเอง สำหรับใครที่อยากรู้ว่า LINE MyShop คืออะไรและมีวิธีการสร้างบัญชี MyShop อย่างไร ผมเคยไลฟ์รีวิวแอปอย่างละเอียด พร้อมสอนเปิดบัญชีแบบเจาะลึก ไปตามดูกันได้เลยครับ คลิปวิดีโออยู่ด้านล่างครับ
Youtube Shopping กำลังจะมา พ่อค้าแม่ค้าเตรียมตัวกันไว้ให้ดี!
สำหรับตัว Youtube Shopping ตอนนี้ยังไม่สามารถใช้งานได้จริง แต่ได้ยินข่าวมาบ้าง ว่าช่วงตุลาที่ผ่านมายูทูปเริ่มดำเนินการเกี่ยวกับการ Tag สินค้า เพื่อเพิ่มความสะดวก เพิ่มขอบเขต และก้าวลงสู่สนาม E-Commerce อย่างเต็มตัว ฟังก์ชันหลัก ๆ ที่ยูทูปคิดจะเพิ่มมาก็คือ คนดูจะเห็นลิสต์ของสินค้าเมื่อกดที่ไอค่อน Shopping Bag แถมยังสามารถค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมของสินค้าแต่ละชิ้น รวมถึงวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับสินค้าชิ้นนั้น ๆ ด้วย
ถ้ายูทูปเปิดตัวฟีเจอร์นี้ และลงมาเล่นกับตลาด S-Commerce แบบเต็มตัวเมื่อไหร่ บอกเลยว่าเป็นอีกช่องทางนึงที่ผู้ประกอบการอย่างเรา ๆ คุ้มค่ากับการลงทุนแน่นอนครับ ด้วยความที่สมัยนี้คนไทยชอบเสพคอนเทนต์ประเภทวิดีโอ ไม่ว่าจะในยูทูปเองก็ดี หรือใน TikTok ก็ด้วยครับ
แต่ละแพลตฟอร์มก็มีจุดเด่นแตกต่างกัน อย่างเฟซบุ๊กสามารถเข้าถึงคนไทยได้มากกว่า แต่ถ้าอยากเข้าถึงตลาดคนรุ่นใหม่ ก็เลือก IG ส่วนใครที่มีไลน์ OA อยู่แล้ว ก็ลุยทาง LINE Shopping เลยครับ ก็เลือกให้เหมาะกับธุรกิจของตัวเองกันไป
ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็ไม่อยากให้ทุกคนทิ้งช่องทางไหนเลย อยากแนะนำให้ลองเปิดใช้งานทุกช่องทาง มันก็เหมือนกับการที่เรามีหน้าร้านนั่นแหละครับ ยิ่งเราเปิดสาขามาก ก็ยิ่งทำให้ลูกค้าเห็นเรามากขึ้นถูกไหมครับ แต่ก็อย่าลืมให้ความใส่ใจเยอะ ๆ กับช่องทางที่เปรียบเสมือนเป็นทำเลทองของธุรกิจด้วยนะครับ