ถ้าคุณได้ยินอะไรหลายๆครั้ง มันจริงหรือเปล่า? คุณพบว่าตัวเองเชื่ออะไรบางอย่าง ที่ตอนแรกคุณไม่เชื่อ เพราะคุณไม่รู้ว่ามันมีแหล่งที่มาจากไหน?
แต่เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะเริ่มเชื่อมัน หรือถูกโน้มน้าว เราจะมาพูดถึงกระบวนการชวนเชื่อหรือโน้มน้าวใจคน ที่ได้ผลในหลายๆประเทศมาก โดยกระบวนการนั้นเรียกกว่า “Sleeper Effect” ซึ่งหมายถึงการที่คนส่วนมากไม่ได้สนใจโฆษณาตัวนี้ตั้งแต่แรก แต่พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เรากลับจดจำโฆษณาหรือสิ่งเหล่านั้นได้
หากย้อนไปถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ที่กองกำลังฝ่ายพันธมิตรนำโดยอเมริกา ต้องการเกณฑ์ทหารเพื่อสู้รบ แต่ในช่วงนั้นเสียงปืนและระเบิด ก็ทำให้ผู้คนจิตตก และส่งผลให้ประสิทธิภาพการรบลดลง ทีนี้อเมริกาก็เลยรวบรวมนักจิตวิทยาฝีมือดี เพื่อประชุมในการสร้าง “หนังชวนเชื่อ” ขึ้นมาแต่ทีนี้อเมริกาก็ต้องผิดหวัง เนื่องจากมีการทำแบบสอบถาม และรายงานผลว่า “ทหารส่วนใหญ่” ยังรู้สึกสงสารและเห็นใจทหารฝ่ายตรงข้ามที่ต้องถูกฆ่าสาเหตุที่เป็นแบบนี้ สายของอเมริกาที่แฝงตัวอยู่ในทหารได้รายงานว่า“มีทหารบางคนที่รู้ถึงแผนการลับนี้ และได้กระจายข่าวออกไปว่านี่เป็นหนังล้างสมองของทางกองทัพ”ทำให้ทหารหลายคนไหวตัวทัน และปิดกั้นหนังเรื่องนี้ทันที
แต่แล้วผ่านมาอีก 2 เดือน
อเมริกาก็ได้ลองทำแบบสอบถามเกี่ยวกับทัศนคติต่อสงครามของเหล่าทหาร ปรากฏว่าได้ผลลัพธ์ที่ไม่น่าเชื่อออกมาก็คือ “เหล่าทหารส่วนใหญ่มีทัศนคติที่ดีต่อสงคราม” เริ่มเฉยๆกับการที่เห็นทหารอีกฝ่ายถูกฆ่า หนำซ้ำยังพร้อมรบแบบสุดขีด
พวกเราสงสัยไหมครับ ว่าทำไมหนังถึงมีผลตอนให้หลังแล้วถึง 2 เดือน ?
นั่นเพราะตามธรรมชาติของสมองมนุษย์แล้ว มนุษย์ไม่สามารถลบความทรงจำ ได้ไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหน ทำให้เมื่อเวลาผ่านไปแล้วสมองของทหารเหล่านี้จะลบความทรงจำระยะสั้นที่ไม่สำคัญได้ เช่น นักแสดง ฉากประกอบ เสียงเพลงต่าง ๆ แต่ที่สำคัญที่สุดคือลืมไปแล้วด้วยว่าเนื้อหาที่พวกเขาได้รับนั้นเป็นเนื้อหาที่ต้องการล้างสมองพวกเขา ! โดยที่สมองก็ยังคงเก็บประเด็นหลักของข้อดีในการทำสงครามอยู่ สุดท้ายท้ายสุดเมื่อเวลาผ่านไป ทหารก็เลยมีทัศนคติดที่ดีกับสงครามโดยที่ไม่รู้ตัว ซึ่งในทางจิตวิทยาเราจะเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “Sleeper Effect” หรือการที่ข้อมูลที่หลับอยู่ในสมองตื่นขึ้นมานั่นเอง
และเรื่องที่เป็น Sleeper Effect ที่อยู่ใกล้ๆตัวเราก็มีเช่นกัน
ตัวอย่างเช่น ที่ผ่านมาในการเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร เราก็คงได้พบเจอกับโฆษณาหรือป้ายโฆษณาต่างๆที่ติดไว้ตามถนนเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากแนวทางของการการตลาดแล้ว โฆษณาจะมีผลดีอย่างมากจาก ความถี่ (Frequency) และมันจะต้องมีความถี่ที่มากพอ ที่จะทำให้เกิดผลกับผู้บริโภค ซึ่งนั่นก็ได้ผลจริงๆเพราะ ผู้บริโภคจะพบเห็นหรือพบเจอบ่อย หรือ อาจจะได้ยินบ่อยๆ ถึงแม้ในตอนแรกผู้ที่ได้พบเห็นหรือได้ยินบ่อยๆนั้นอาจจะไม่ได้สนใจอะไร แต่พอเวลาผ่านไปยิ่งพวกเขาเหล่านั้นได้พบเจอและเห็นบ่อยขึ้น ทำให้เกิดการโน้มน้าวจิตใจไปโดยที่เราไม่ได้รู้ตัวและนี่คือ ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “Sleeper Effect” เช่นกัน
สรุปก็คือ คนเราจะลืมเลือนแหล่งที่มาของข้อมูลเร็วกว่าเนื้อหา ซึ่งหมายถึง คนเราเมื่อได้ดูโฆษณาหรือบางอย่างที่มีผลต่อจิตใจหรือมีแรงกระตุ้นความอยากในจิตใจเราและมันค่อนข้างน่าเชื่อถือ ถึงแม้เราอาจจะลืมเนื้อหาของมันไปแล้ว แต่เรายังจำความรู้สึกนั้นได้อยู่เสมอ ซึ่งนี่แหละคือปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “Sleeper Effect” นั่นเอง
ซึ่ง เทคนิคการตลาดที่น่าสนใจยังมีอีกมากมายให้คุณได้เรียนรู้ก่อนคู่แข่งของคุณ ถ้าหากคุณเป็น “เจ้าของธุรกิจ” เรายังมีอีกหลากหลายกลยุทธ์ ให้คุณได้เรียนรู้ แต่ถ้าหากคุณเป็น “ลูกค้า” คุณจะได้รู้ว่านักการตลาดนั้น ดึงเงินไปจากกระเป๋าคุณได้อย่างไร?
กับ คอร์ส “10x Profits with Marketing&Sales” ตอน “วิธีสร้าง Content เน้นกำไร 10 เท่า” ในวันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม 2022 นี้ เวลา 19.00-21.00 น. ผ่านโปรแกรม Zoom เท่านั้น
.