ไม่กี่สัปดาห์ก่อน เราเพิ่งจะฮือฮากับเรื่องของปลาหมอคางดำ ที่แพร่ระบาดทำลายระบบนิเวศแหล่งน้ำ กินพันธุ์ปลาพื้นเมืองของไทยจนเสี่ยงจะสูญพันธุ์ในระยะยาว จนหลายฝ่ายต้องถกเถียงว่าจะหาทางปราบเจ้าเอเลี่ยนสปีชี่ส์พวกนี้ให้หมดยังไง
ล่าสุดวงการอีคอมเมิร์ซก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแล้วเช่นกัน นั่นคือการมาของ Temu แพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์จากจีนอีกเจ้าที่มาแรงมาก เปิดตัวมาได้ 2 ปี แต่ขยายไปแล้ว 18 ประเทศทั่วโลก ลามถึงสหรัฐอเมริกา ยุโรป และล่าสุดคือไทย
.
นี่ถือเป็นเรื่องที่ต้องจับตา การมาของ Temu ส่งผลกระทบกับตลาดอีคอมเมิร์ซไทยแน่นอน เพราะนี่คือหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดในย่านอาเซี่ยน ที่โตเร็วด้วยอัตราเติบโตปีต่อปีสูงถึง 34.1%
แอป Temu คืออะไร? ทำไมถึงต้องตกใจกลัวกัน?
.
หลายคนรู้จักดีกับ Shopee, Lazada หรือ TikTok Shop กันอยู่แล้ว แต่ Temu นี่สิ เรียกว่าผู้เล่นหน้าใหม่ที่ทำให้ 3 เจ้าเก่าต้องหนักใจกว่าเดิม เพราะ Temu มีกลยุทธ์ที่โดดเด่นเหนือชั้นยิ่งกว่า คือสามารถเสนอราคาสินค้าที่ต่ำมากๆ ได้ ใช่แล้วครับ ต่ำกว่าคู่แข่งถึง 80-90% เลยทีเดียว
.
ลองนึกภาพดูนะครับ ถ้าเราเปิดแอป Temu แล้วไปเจอสินค้าที่ปกติขายราคา 100 บาท แต่ใน Temu ขายเพียง 15-18 บาทเท่านั้น แล้วแบบนี้ใครจะไปแข่งขันกับร้านค้าในแอปนี้ได้ นี่เลยเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ Temu ส่อแววส่งผลกระทบรุนแรงต่อการแข่งขันในตลาดอีคอมเมิร์ซของไทย
แล้วระบบของ Temu ทำงานยังไง? มีจุดเด่นอยู่ 3 ข้อด้วยกัน
1. ขายสินค้าจากโรงงานในจีนโดยตรง
.
Temu ใช้กลยุทธ์ขายสินค้าด้วยราคาที่ต่ำมาก แต่ไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องการสร้างแบรนด์ เน้นขายสินค้าสเกลใหญ่จากโรงงานจีนโดยตรงไปหาลูกค้า ใช้วิธี “Group Buying” คือการสั่งซื้อสินค้าภายในกลุ่มเพื่อลดต้นทุน ทำให้ทำราคาสินค้าได้ถูกลงกว่าเดิม
.
ว่ากันว่าโมเดลนี้มีต้นแบบมาจาก Pinduoduo ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Temu ที่ประสบความสำเร็จในตลาดจีน เพราะการตัดตัวกลางออกไปนี้ทำให้ Temu สามารถเสนอราคาที่ต่ำมากๆ ได้ ถือเป็นเรื่องท้าทายผู้ผลิตและผู้ค้าในไทยอย่างมาก
2. ระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก
.
แอป Temu มีระบบจัดการคลังสินค้าและการจัดส่งที่เร็วมาก โดยใช้การบริหารจัดการที่มีความก้าวหน้า มีการลงทุนในเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการออร์เดอร์และการส่งสินค้า
.
นอกจากนี้ Temu ใช้ AI และ Big Data วิเคราะห์ความต้องการลูกค้า ปรับปรุงการจัดส่งให้เร็วขึ้น ทำให้ส่งสินค้าถึงมือได้ภายใน 7-14 วัน ถือว่าเร็วมากๆ กับการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ ในบางพื้นที่ Temu จัดส่งสินค้าภายใน 24 ชั่วโมงได้ด้วยซ้ำ
3. กลยุทธ์โปรโมชั่นลดแลกแจกแถมที่ดึงดูดใจ
.
ในแอป Temu มีการจัดโปรลดราคาสูงถึง 90% ใช้เกมหมุนวงล้อและการแจกคูปองส่วนลด เรียกความสนใจของลูกค้าและเพิ่มการใช้จ่ายบนแพลตฟอร์ม กลยุทธ์นี้ล่อให้ลูกค้าอยากเข้ามาใช้งานแอปได้เรื่อยๆ สร้างความภักดีแบรนด์ได้ในระยะยาว
แล้ว Temu มีผลกระทบต่ออีคอมเมิร์ซไทยยังไงบ้าง?
.
มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะสงสัยแล้วว่า Temu น่าจะส่งผลกระทบยังไงบ้าง? เราลองมาไล่เรียงดูกันครับ
1. กดดันผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซไทย
.
ด้วยราคาสินค้าที่ต่ำมากและจัดส่งได้รวดเร็ว Temu อาจทำให้อีคอมเมิร์ซไทยต้องรีบปรับตัวด่วนๆ เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด ผู้เล่นหลักอย่าง Shopee, Lazada และ TikTok Shop ที่ครองส่วนแบ่งตลาดใหญ่อยู่แล้วอาจต้องปรับลดราคา เพิ่มคุณภาพการบริการ หรือหากลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่าให้ได้
2. ผลกระทบต่อผู้ผลิตสินค้าในไทย
.
ผู้ผลิตไทยต้องแข่งกับสินค้าราคาถูกจากจีน ถือว่าน่าหนักใจ เพราะ Temu เล่นตัดตัวกลางออกและส่งสินค้าจากโรงงานจีนโดยตรง ทำให้แบรนด์ไทยต้องลงไปแข่งขันในเกมราคาที่ต่ำกว่า ถือว่ากดดันอย่างหนัก ผู้ผลิตไทยอาจต้องปรับกลยุทธ์การตลาด สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า หรือทำตลาดเฉพาะกลุ่มมากขึ้น
3. เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคไทย
.
ลูกค้าไทยอาจหันมาซื้อสินค้าจาก Temu มากขึ้น ด้วยราคาที่ต่ำและการส่งที่รวดเร็ว ทำให้ร้านค้าอีคอมเมิร์ซในไทยต้องปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงนี้ อาจต้องพัฒนาระบบการให้บริการ เพิ่มความสะดวกการซื้อสินค้า หรือสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่แตกต่างเพื่อดึงดูดใจลูกค้า
4. ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยภาพรวม
.
เงินที่ลูกค้าไทยจ่ายให้ Temu จะถูกส่งออกนอกประเทศ ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยในระยะยาว เพราะ Temu ไม่ได้ตั้งบริษัทในไทย เงินที่คนไทยจ่ายซื้อสินค้าจะถูกดึงออกจากระบบเศรษฐกิจไทยไปจีน ย่อมส่งผลกระทบต่อการหมุนเวียนเงินในประเทศ และกระทบธุรกิจท้องถิ่นในระยะยาว
บทสรุปของเรื่องนี้
หลังจากลองส่องแอปตัวนี้ เท่าที่ดูยังไม่ใช่ Marketplaceแบบ Shopee หรือ Lazada ที่เราใช้ๆ กันอยู่ แต่เป็นแพลตฟอร์มที่เวนเดอร์หรือซัพพลายเออร์มาขายของกันเองตรงๆ สินค้าส่วนใหญ่เป็นของเกรดราคาถูก ผลิตในจีน โดยเฉพาะพวก OEM ที่โรงงานผลิตให้แบรนด์ดังๆ แต่ไม่ติดโลโก้ แม้ว่าสินค้าจะราคาถูกจริง แถมมีโปรส่งฟรีทุกออเดอร์ แต่ก็ไม่น่ามีคุณภาพหรือการรับประกันมากนัก
.
ที่น่าห่วงจริงๆ คือผลกระทบต่อพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยในบ้านเรา โดยเฉพาะคนที่เคยสั่งของจากจีนมาขายต่อในเพจหรือในแอปต่างๆ เพราะราคามันจะชนกันเอง ยิ่งถ้าคนไทยรู้จัก Temu มากขึ้น อ่านภาษาอังกฤษออกนิดหน่อย ก็อาจจะหันไปสั่งตรงจากแอปนี้แทน ทำให้พ่อค้าแม่ค้ารายย่อยอยู่กันยากขึ้น
.
บางคนอาจมองว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นหรอก แต่ลองนึกย้อนไปตอน Shopee หรือ Lazada เข้ามาใหม่ๆ ตอนแรกก็มีคนบอกว่าเกิดยาก แต่ทุกวันนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทยไปแล้ว ใครจะไปรู้ล่ะว่า Temu จะเป็นยังไงต่อไป พ่อค้าแม่ค้าก็ต้องรีบปรับตัวให้ทันซะแล้วละครับนับจากนี้
ใครที่อ่านเรื่องนี้จบแล้ว พวกเราคิดว่าแอป Temu จะส่งผลกระทบกับการช้อปปิ้งออนไลน์ของคนไทยยังไง? พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ SME อย่างพวกเราจะอยู่รอดมั้ย? แชร์ความเห็นกันหน่อยครับ อยากรู้ว่าคนอื่นคิดยังไง!