fbpx

จาก…Rowntree’s สู่ KitKat ขนมที่ตายแล้วฟื้น!!.

Home » จาก…Rowntree’s สู่ KitKat ขนมที่ตายแล้วฟื้น!!.

จาก…Rowntree’s สู่ KitKat ขนมที่ตายแล้วฟื้น!!.

คิดจะพัก คิดถึง คิดแคท สโลแกนเลื่องชื่อ ที่ใครก็ต้องเคยได้ยิน. แต่…คุณคาดไม่ถึงแน่! ว่าใครเป็นคนริเริ่ม (คลิป)

.

ใครกันนะที่เป็นเจ้าของไอเดียขนมช็อกโกแล็ตสุดป็อปตัวนี้?

 

อ่านต่อ
นินจาการตลาด

ขนมระดับตำนานตัวนี้ ไม่ได้เกิดมาจากความคิดของนักธุรกิจใหญ่ที่ไหน หรือผู้เชี่ยวชาญด้านขนมแต่อย่างใด แต่…ไอเดียนี้เกิดมาจาก พนักงานโรงงานธรรมดา ๆ คนนึงเท่านั้นเอง

Credit : https://www.rowntreesociety.org.uk/explore-rowntree-history/rowntree-a-z/haxby-road-factory/

คิทแคทน่ะ มันมีจุดเริ่มมาจากบริษัทและโรงงานผลิตขนมที่ชื่อว่า Rowntree’s ในเมืองยอร์ก ประเทศอังกฤษ ในปี 1920 Rowntree’s ได้ลองเปิดตัวช็อกโกแลตบรรจุกล่องชื่อ คิทแคท 

แต่พอวางจำหน่ายไปได้สักระยะ สินค้ากลับไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไร

.

บวกกับ Rowntree’s ต้องการหันไปโฟกัสกับการผลิตและทำตลาดขนมแบรนด์อื่น อย่าง Black Magic และ Dairy Box แทน ทำให้ คิทแคท สูญเสียส่วนแบ่งการตลาดไปเรื่อย ๆ และต้องยกเลิกการผลิตไปในที่สุด

.

แต่…ชื่อคิทแคทก็ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ในปี 1935 เมื่อคนงานในโรงงาน Rowntree’s คนหนึ่ง ได้เสนอว่า โรงงานน่าจะผลิตขนม แบบที่สามารถพกพาและเก็บใส่กระเป๋าไปทำงานได้ เผื่อเอาไว้กินยามว่าง

.

ไอเดียนี้น่าสนใจเป็นอย่างมาก Rowntree’s จึงนำไอเดียนั้น มาสร้างสานต่อ เป็นขนมเวเฟอร์กรอบเคลือบช็อกโกแลต แบบ 4 แท่ง วางเรียงกัน ซึ่งแต่ละแท่งจะสามารถหักเพื่อแบ่งกินได้ และห่อด้วยแพ็กเกจจิงสีแดง ขนาดใส่กระเป๋าเสื้อ หรือกระเป๋ากางเกง ได้พอดิบพอดี

นินจาการตลาด

ภายใต้ชื่อแบรนด์ “Rowntree’s chocolate crisp” (โรวน์ทรี ช็อกโกแลต คริสป์) ไปวางจำหน่ายที่เมืองลอนดอน และทางตอนใต้ของอังกฤษ

นินจาการตลาด

ซึ่งพอเริ่มจำหน่ายได้ 2 ปี “Rowntree’s chocolate crisp” ก็ถูกเปลี่ยนชื่อแบรนด์เป็น “KitKat chocolate crisp” แทน

.

และต่อมาในปี 1940 หลังจาก “KitKat chocolate crisp” ประสบความสำเร็จในอังกฤษแล้ว บริษัทก็ได้มองหาโอกาสในตลาดใหม่ ๆ โดยเริ่มส่งออก KitKat chocolate crisp ไปยังประเทศแคนาดา, แอฟริกาใต้, ไอร์แลนด์, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

.

แต่…ด้วยสถานการณ์ของสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งทำให้นม ที่เป็นวัตถุดิบสำคัญ ประสบกับภาวะขาดแคลน บริษัทจึงจำเป็นต้องหยุดการผลิตช็อกโกแลตสูตรเดิมไว้ก่อน แล้วหันมาใช้ดาร์กช็อกโกแลต หรือช็อกโกแลตเข้มข้นที่ไม่ผสมนม แทนชั่วคราว

นินจาการตลาด

พร้อมกับเปลี่ยนแพ็กเกจจิง จากสีแดง เป็นสีน้ำเงิน เพื่อสื่อถึงสูตรที่เปลี่ยนไป….

นินจาการตลาด

Credit : https://logos-world.net/kit-kat-logo/

หลังจากที่สงครามสิ้นสุดลง นมวัตถุดิบสำคัญก็เริ่มกลับมาเข้าสู่สภาวะปกติ ไม่ขาดแคลนละ และบริษัทก็กลับมาใช้ช็อกโกแลตสูตรเดิมที่ผสมนมอีกครั้ง พร้อมเปลี่ยนแพ็กเกจจิงกลับไปเป็นสีแดง  และเปลี่ยนชื่อแบรนด์จาก KitKat chocolate crisp เป็น “KitKat” แทน เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำและเรียกชื่อแบรนด์

.

แล้วสโลแกนเลื่องชื่อของคิทแคทละ ใครเป็นคนคิด? ใช่พนักงานคนเดิมหรือเปล่า?

นินจาการตลาด

ไม่ใช่ครับ รอบนี้ไม่ใช่ แต่เป็นคุณ Donald Gilles ผู้บริหารของ JWT Orland ที่ลอนดอน  

ที่ได้สร้างสรรค์ประโยคโฆษณาฮิตติดหูอย่าง “Have a Break, Have a KitKat” ขึ้นมาให้กับคิทแคท

หรือในเวอร์ชันแบบไทย ๆ ที่เราคุ้นหูกันเป็นอย่างดีว่า “คิดจะพัก คิดถึงคิทแคท” ซึ่งนับเป็นหนึ่งในประโยคโฆษณา ที่ถูกใช้มายาวนานที่สุดในโลก นับตั้งแต่ปี 1957…

.

และในประโยค ที่มีคำว่า Break นอกจากจะแปลว่า หยุดพัก แล้ว  ยังแปลว่า หัก อีกด้วย ซึ่งเข้ากับคอนเซปต์ของคิทแคทเลย ที่ออกแบบมาเป็นแท่ง ๆ ไว้ให้ค่อย ๆ หักกิน นั่นเอง

.

แล้วธุรกิจของคิทแคท ก็เติบโตขึ้นไปอีกระดับ หลังจาก Rowntree’s ได้เข้าไปสร้างโรงงานกระจายสินค้าแห่งใหม่ ที่ประเทศเยอรมนี เมื่อปี 1970  เพื่อเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้า ไปสู่ประเทศในแถบยุโรปทั้งหมด!!

.

พร้อมกับทำสัญญากับบริษัท เฮอร์ชีย์ (Hershey) ให้สิทธิ์ในการผลิตและจำหน่ายคิทแคทในสหรัฐอเมริกา แต่เพียงผู้เดียว

.

เรื่องทั้งหมดนี้ ทำให้แบรนด์คิทแคท เป็นที่รู้จักกันในตลาดโลกอย่างรวดเร็ว และยอดขายเติบโตอย่างก้าวกระโดด

.

ด้วยความสำเร็จของคิทแคท จึงไปสะดุดตาของบริษัท เนสท์เล่ (Nestlé) เข้า และบริษัทเนสท์เล่ ก็เลยตัดสินใจเข้าซื้อกิจการของ Rowntree’s ในปี 1988 ทำให้ เนสท์เล่ เป็นเจ้าของสิทธิ์ในการผลิตและจำหน่ายคิทแคททั่วโลก ยกเว้นในสหรัฐอเมริกา นับแต่นั้นมา

.

ปัจจุบัน คิทแคท ถูกผลิตอยู่ใน 18 ประเทศทั่วโลก ภายใต้การดูแลของบริษัท เนสท์เล่

ได้แก่ บราซิล, เม็กซิโก, สหราชอาณาจักร, แคนาดา, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, แอฟริกาใต้, เยอรมนี, รัสเซีย, ญี่ปุ่น, จีน, มาเลเซีย, ไทย, อินเดีย, ตุรกี, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, บัลแกเรีย และแอลจีเรีย

.

แต่…ในส่วนของสหรัฐอเมริกา จะอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท เฮอร์ชีย์

.

แต่ที่น่าสนใจและบางคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน คือ ขนาดและจำนวนแท่งในคิทแคท 1 ห่อ อาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ อย่าง ออสเตรเลียและฝรั่งเศส จำหน่ายขนาดสิบสองแท่ง สำหรับทั้งครอบครัว แต่ในญี่ปุ่น มีจำหน่ายแบบขนาดเล็กกว่าครึ่งหนึ่งของขนาดปกติ 

และในบางประเทศ มีจำหน่ายแบบขนาดสามแท่ง

.

ซึ่งนอกจากรสช็อกโกแลตแล้ว คิทแคท ยังได้สร้างสรรค์และออกรสชาติใหม่ ๆ มาให้กับผู้บริโภคได้ลิ้มลอง แบบไม่มีเบื่อ ประเดิมด้วยรส…? รสส้ม ที่วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี 1996 ในประเทศอังกฤษ ตามด้วยรสมินต์, รสคาราเมล และอื่น ๆ อีกมากมาย

.

โดยมีทั้งรสที่แบบจำหน่ายไดตลอดทั้งปี กับแบบที่มีจำนวนจำกัด วางจำหน่ายเฉพาะในบางช่วงเท่านั้น 

.

ซึ่งบางรสชาติก็ได้รับความนิยม แต่…ก็บางรสชาติที่ไม่ประสบความสำเร็จ!!

แต่ถึงจะมีรสชาติที่ไม่ติดตลาดอยู่เป็นจำนวนมาก แต่คิทแคทก็ไม่หยุดที่จะเดินหน้าพัฒนาและออกรสชาติใหม่ ๆ มาให้ผู้บริโภคได้ลองอยู่ตลอดเวลา

.

ซึ่งประเทศที่คิทแคท ออกนวัตกรรมรสชาติมากที่สุด คือประเทศอะไร ให้ทาย?

.

ญี่ปุ่นนั่นเอง โดยเขามีคิทแคทให้เลือกซื้อมากกว่า 300 รสเลยทีเดียว!!!

ความหลากหลายของคิทแคทในประเทศญี่ปุ่น เกิดจากทางเนสท์เล่ ต้องการให้แบรนด์คิทแคท สามารถเป็นหนึ่งเดียวกับวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นได้ โดยปกติคนญี่ปุ่นในแต่ละพื้นที่ จะมีความภูมิใจในจุดเด่นของจังหวัดหรือท้องถิ่นของตัวเอง

.

คิทแคท เลยนำจุดเด่นเหล่านั้น มาสร้างเป็นรสชาติต่าง ๆ เพื่อถ่ายทอดเอกลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ หรือสร้างรสชาติที่หาไม่ได้จากที่ไหน อย่างเช่น รสมันม่วง จากโอกินาวะ, รสโมมิจิ มันจู จากฮิโรชิมะ, รสวาซาบิ จากชิซูโอกะ, รสชาเขียวมัตจะ จากเกียวโต

.

นอกจากนี้ ชื่อคิทแคทในภาษาญี่ปุ่น จะออกเสียงว่า “คิตโตะ คัตสึ”  ซึ่งมีความหมายว่า 

“จะต้องชนะอย่างแน่นอน” คนญี่ปุ่นจึงนิยมซื้อคิทแคท ไปเป็นของขวัญนำโชคให้กันอีกด้วย

.

เรื่องทั้งหมดนี้ นอกจากจะทำให้คิทแคท สามารถเข้าถึงและครองใจกลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่นแล้ว

ด้วยความแปลกใหม่ของรสชาติ ยังทำให้คิทแคทในญี่ปุ่น เป็นอีกของฝากยอดฮิต ของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เมื่อมาญี่ปุ่น ก็ต้องหิ้วกลับไปฝากเพื่อนฝูง หรือคนในครอบครัว

.

แล้วคุณรู้หรือเปล่า คิทแคท (KitKat) เป็นหนึ่งในขนมที่ขายดีสุดในโลก โดยเฉลี่ยแล้ว ทุก ๆ วินาที คิทแคทจะขายได้ 540 แท่ง หรือคิดเป็นกว่า 17,600 ล้านแท่งต่อปี..

.

เส้นทางของ คิทแคท จึงได้ให้ข้อคิดหรือข้อสรุปที่ว่า จริง ๆ แล้วนวัตกรรมหรือผลิตภัณฑ์ที่จะประสบความสำเร็จ อาจเกิดขึ้นจากแนวคิดของ คนที่อยู่หน้างาน คนที่ทำ ที่อยู่กับมันทุกวัน หรือ พนักงานที่อยู่กับลูกค้าโดยตรง โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเจ้าของบริษัท หรือผู้เชี่ยวชาญเก่ง ๆ อย่างเดียว

.

การเปิดใจรับฟังความคิดเห็นหรือแนวคิดของพวกเขาเหล่านั้น อาจนำมาซึ่งมุมมองหรือโอกาสทางธุรกิจที่แตกต่าง และคาดไม่ถึง แต่กลับได้ผลลัพธ์ที่ดี

.

ถ้าวันนั้น  Rowntree’s มองข้ามไอเดียเล็ก ๆ จากพนักงานธรรมดาคนนึงไป วันนี้คิทแคทก็คงไม่ประสบความสำเร็จเท่าในทุกวันนี้ และเราก็อาจไม่มีคิทแคทไว้ให้ได้หักกินกัน

.

แต่โชคดีไปที่เขารับฟัง จนได้มีขนมอะไรอร่อย ๆ มาให้เรากิน บอกเราหน่อยไหม ว่ารสอะไร คือ รสโปรดของคุณ?

นินจาการตลาด

จาก…Rowntree’s สู่ KitKat ขนมที่ตายแล้วฟื้น!!

อ่านกันมาเยอะแล้ว ใครที่อยากดูคลิปเราก็มีให้ แล้วอย่าลืม กด Like กด Share กด Subscibe เป็นกำลังให้เหล่านินจาการตลาดด้วยนะครับ

นินจาการตลาด
สามารถติดตามเนื้อหาสุด Exclusive ของนินจาการตลาดที่ไม่ได้ลงที่ไหนและคอร์สเรียนฟรี ให้พิเศษเฉพาะใน Facebook กลุ่มปิด “Digital Media Planning” คลิกไปขอเข้าร่วมได้เลย มีอัปเดตเนื้อหาอยู่ตลอด
นินจาการตลาด
และหากมีคำถามอยากให้ช่วยเหลือด้านการสื่อสารการตลาดดิจิทัล ทั้งเรื่องเครื่องมือ (Media), เนื้อหา (Content) และ กลยุทธ์ (Strategy) สามารถเข้าไปทักสอบถาม อ.ออดี้ และผู้รู้มากมายใน “หมู่บ้านนินจา” LINE OpenChat 

ติดตามอ่านความรู้ด้านกลยุทธ์การตลาดได้ในบทความครั้งต่อไป
กับ อ.ออดี้ – กิตติชัย ได้ใน Blog ของ นินจาการตลาด ที่นี่…

นินจาการตลาด
audy

audy

Leave a Replay

Sign up for our Newsletter

ติดตามบทความด้านการตลาดฟรีๆมากมายเพียงกรอกอีเมล์ด้านบนนี้

Shopping Cart
Scroll to Top

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึก