เคยไหมครับ นั่งทำงานหรือนอนพักผ่อนอยู่ดีๆ มีสายลึกลับโทรเข้ามาก่อกวนสร้างความน่ารำคาญใจ เช่น สวัสดีค่ะ โทรมาจากการตลาด TikTok หรือสวัสดีครับ คุณมียอดค้างชำระบัตรเครดิตธนาคาร กด 0 ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อโอนเคลียร์ยอดด่วนๆ
พฤติกรรมพวกนี้คือมิจฉาชีพที่คอยหลอกลวงคนไทยเป็นประจำ ถ้าเราเป็นคนที่รู้ทันก็คงตัดสายหรือด่าสวนกลับไป ส่วนใครที่รู้ไม่เท่าทัน ก็อาจสูญเสียเงินจำนวนมากให้โจร 500 พวกนี้ กลายเป็นปัญหาของสังคมบ้านเราที่ปราบไม่หมดสักที
หลายคนคงรู้จักแอพ Whoscall ที่ไว้ใช้สกรีนพวกมิจฉาชีพ หรือเบอร์โทรสายเข้าที่เราไม่รู้จักมาก่อน เพราะวันๆ เราไม่รู้ใครโทรมาบ้าง ไหนจะเบอร์จากบริษัทส่งของ ไหนจะพวกคอลเซนเตอร์ เทเลเซล เผลอๆ ปลอมเป็นเสียงคนรู้จัก เลยยากที่จะรู้ได้ว่าอันไหนของจริงหรือของโจร
ดังนั้นแอพ Whoscall เลยถูกนิยมใช้เป็นด่านแรกในการเช็คว่าเบอร์ที่โทรมาคือเบอร์ใคร โดยระบบจะแสดงข้อมูลจากฐานข้อมูลที่เชื่อมกับสมุดโทรศัพท์สาธารณะพาร์ทเนอร์ และการแจ้งข้อมูลของผู้ใช้งาน ซึ่งปัจจุบัน Whoscall มีฐานข้อมูลกว่า 2.6 พันล้านหมายเลข
แล้วรายได้ของ Whoscall มาจากไหน คำตอบคือส่วนใหญ่มาจากค่าโฆษณา และค่าสมัครแพ็กเกจพรีเมี่ยมที่มีอยู่ราว 5% ของผู้ใช้ แบ่งเป็นแพ็กเกจรายเดือน 59 บาทและรายปี 599 บาท โดยฟีเจอร์ที่ให้เพิ่มเติมจากการใช้งานฟรี ได้แก่ อัพเดตเบอร์ในฐานข้อมูลอัตโนมัติ บล็อกเบอร์ที่เข้าข่ายสแปม และกรอง SMS ที่เข้าข่ายมิจฉาชีพ
ผลจากการทำตลาดที่ต่อเนื่อง ปัจจุบัน Whoscall มียอดดาวน์โหลดแอพไปแล้วมากกว่า 100 ล้านครั้ง และปี 2566 ที่ผ่านมา จำนวนผู้ใช้เติบโตจากปีก่อน 30% มีรายได้จากทุกภูมิภาคเติบโตจากปีก่อน 80% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนว่ากลุ่มเป้าหมายตื่นตัวกับการป้องกันภัยจากมิจฉาชีพมากขึ้น
ล่าสุดการทำการตลาดของ Whoscall ใช้กลยุทธ์ Partnership Marketing เพื่อให้ลูกค้าของพาร์ทเนอร์เข้าถึงการใช้งาน Whoscall มากขึ้น ซึ่งล่าสุดได้สร้างจับมือร่วมกับแบรนด์ต่างๆ ทั้งเจ้าหน้าที่ภาครัฐและแบรนด์เอกชนผ่าน แคมเปญ จับมือเพื่อนรัก ตัดสายมิจร้าย (SAVE FRIENDS FROM FRAUD)
นอกจากนี้ Whoscall ยังมีการจัดกิจกรรมแจกโค้ด Whoscall พรีเมี่ยมฟรีจำนวน 3 ล้านโค้ด ผ่านกิจกรรมต่างๆ ของพาร์ทเนอร์ที่เข้าร่วมแคมเปญ คิดเป็นมูลค่า 1 พันล้านบาท เริ่มตั้งแต่ 1 พค.67 เป็นต้นไป
นั่นเท่ากับว่าแคมเปญนี้มีการสร้างการรับรู้ (Awareness) ผ่านช่องทางต่างๆ มีการให้ความรู้ (Educated) ป้องกันไม่ให้ถูกหลอกลวง และตบท้ายด้วยการแจกโค้ดคูปอง (Coupon) เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้มีการทดลองใช้ และหากลูกค้าลองใช้แล้วพอใจก็สามารถเสียเงินซื้อโค้ดพรีเมี่ยมได้ในอนาคต
ที่จริงก่อนหน้านี้ Whoscall เคยทำตลาดแบบ KOLs Marketing คือใช้ โจอี้ ภูวศิษฐ์ ศิลปินคนดังมาปล่อยซิงเกิ้ลเพลง ตัดสาย เมื่อปี 2566 เพื่อสร้างการเข้าถึงคนทุกกลุ่มต่างๆ ผ่านเนื้อเพลงดังนี้ครับ
“ใครโทรมาที่เบอร์นี้ ถ้าเป็นคนไม่ดีโทรมาหา ไม่ต้องคุยให้เสียเวลา เธออย่าไปรับสาย ปล่อยพวกมันให้ตายตกนรก”
“โหลด Whoscall จะเตือนให้เธอรู้ อย่าให้คนหลอกลวงมาทำร้าย ตัดสายทุกเบอร์ที่ทำให้เธอช้ำใจ อย่าไปยอมให้ใครหลอกเธ้อออออออออออออ” (เสียงสูงแบบโจอี้)
อ่านแล้วเป็นไงครับ ใครฟังแล้วคงจี๊ด เนื้อเพลงโดนใจคนโดนหลอกทุกคำ ฟังเสร็จอยากโหลดแอพ Whoscall เดี๋ยวนี้เลย โดยเฉพาะกลุ่มหนุ่มสาวโรงงานตามที่ MV สื่อสาร
บทสรุปของเรื่องนี้จึงอยู่ที่ว่าแบรนด์ Whoscall สะสมสร้างการรับรู้ผ่าน Music Marketing แล้วต่อยอดการรับรู้ด้วยแคมเปญ Partnership Marketing ผ่านแบรนด์ใหญ่ต่างๆ และให้ลูกค้าได้ประสบการณ์จากการทดลองใช้ฟรี จนนำไปสู่ยอดขายในท้ายที่สุด
ใครที่อ่านเรื่องนี้จบ ตอนนี้คงได้รู้แล้วว่าแอพ Whoscall สร้างกำไรด้วยวิธีไหน ใครที่ยังไม่มีแอพนี้รีบโหลดมาบล็อกมิจฉาชีพไว้ก่อนเลย แล้วฟังเพลงของโจอี้ไปด้วย จะรู้ว่ามีประโยชน์มากจริงๆ ครับ ลองเลย
