Häagen-Dazs ไอศกรีมอะไรทำไมมันแพงจัง ?
คุณเคยสงสัยเหมือนกันไหมครับว่า ทำไม ไอศกรีม Häagen-Dazs ถึงแพงนัก…ขายแพงไม่พอขายดีอีก และยังเป็นที่ต้องการอยู่เรื่อย ๆ เลย แถมในตอนนี้ก็กลายเป็นแบรนด์ Luxury ที่โด่งดังไปทั่วโลก!!!!
ถ้าให้นึกถึงไอศกรีมพรีเมียมชื่อดัง แบรนด์อันดับต้น ๆ ที่ใครหลายคนนึกออกก็คงจะหนีไม่พ้น “Häagen-Dazs”
.
และเมื่อให้ลองอธิบายหรือนิยามความเป็น Häagen-Dazs หรือ เอกลักษณ์ที่สื่อถึงแบรนด์ ออกมาก็คงจะตอบเหมือน ๆ กัน ว่า ความหรูหรา ความพรีเมียม และ ความมีราคา
.
กลับกัน ทุกคนเคยลองคิดกันไหมครับว่า ทำไมเราถึงคิดว่ามันเป็นแบรนด์ที่หรูหราล่ะ ?
อะไรที่ทำให้เราคิดแบบนั้น?
.
แล้วอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ ไอศกรีม Häagen-Dazs กลายมาเป็นแบรนด์ Luxury ที่ได้รับความนิมยมจากทั่วโลกได้!!
.
งั้นวันนี้ นินจาการตลาด จะมา #สรุปให้ในโพสต์เดียว
1. อย่างแรกเลยนะครับ สิ่งที่ทำให้แบรนด์เขาหรูหราและมีราคา คือ เขาเลือกใช้วัตถุดิบที่ดีและมีคุณภาพแถมดีต่อสุขภาพ
.
หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้สินค้าในทุก ๆ วันนี้มีราคาแพง ก็เป็นเพราะความพิถีพิถันในการเลือกใช้วัตถุดิบที่ให้ความสำคัญกับผู้บริโภคเป็นอันดับแรก
.
ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้ผลไม้ที่สดใหม่อยู่เสมอ วัตถุดิบออร์แกนิก หรือรสชาติไอศกรีมที่ทำมาโดยเฉพาะสำหรับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนักหรือคนรักษาสุขภาพ
.
อย่างสูตรไอศกรีมลดไขมัน 50% หรือไอศกรีมที่มีโยเกิร์ตคุณภาพชั้นดีเป็นส่วนผสมหลัก เป็นต้น
.
นอกจากนี้ Häagen-Dazs ยังผลิตไอศกรีมด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด ซึ่งไอศกรีมของพวกเขาทำให้ผู้บริโภครู้สึกสบายใจที่จะรับประทานและมั่นใจในรสชาติ
2. การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่คงความดูดีมีระดับ และหรูหราอยู่เสมอ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แบรนด์ได้ร่วมมือกับ Ryan Chase Design Group เพื่อออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่
.
โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้เราเห็นว่า แบรนด์สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบเพื่อให้เข้ากับยุคสมัย
3. แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังคงความหรูหราไว้เช่นเดิม Ryan Doro ดีไซเนอร์อาวุโสของ Chase Design Group ผู้มีส่วนในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ท่านนี้กล่าวว่า
.
“ความหรูหราแบบเก่านั้นเกี่ยวกับรูปลักษณ์ที่เรียบง่าย สะอาดตา และเป็นระเบียบมาก ความหรูหราแบบทันสมัยสามารถมีบุคลิกที่เข้มข้นขึ้นเล็กน้อย สีสันสดใส เส้นที่ลื่นไหล แม้กระทั่งพลังงานที่ขี้เล่น และเราต้องการที่จะโอบรับสิ่งนั้นอย่างเต็มที่”
.
4. นอกจากนี้นะครับ ทางแบรนด์ยังบอกอีกว่า
“เราต้องการให้แน่ใจว่าตัวอักษรแสดงถึงความหรูหราที่ทันสมัย ดังนั้นเราจึงสร้างฟอนต์แบบกำหนดเองชื่อ ‘Dazs’ ที่ยังคงกลิ่นอายแบบคลาสสิก แต่มีไหวพริบที่ทันสมัย และจับคู่กับสคริปต์ที่เขียนด้วยลายมือ” สิ่งนี้นับเป็นการปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ที่หลอมรวมความสดใหม่และความดั้งเดิมไว้อย่างลงตัว
5. Häagen-Dazs มีการ collaboration กับแบรนด์หรู ๆ อยู่เสมอ ในปี 2017 Häagen-Dazs มั่นใจเป็นอย่างมากว่า การเป็นสปอนเซอร์ในรายการ Wimbledon จะทำให้เป็นที่จดจำของผู้คนได้
.
Arjoon Bose หัวหน้าฝ่ายการตลาดในสหราชอาณาจักรของ Häagen-Dazs ให้สัมภาษณ์กับ Marketing Week ว่า การตัดสินใจเข้าร่วมเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุน Wimbledon คือ
“จุดเริ่มต้นของเราที่อยากเป็นที่จดจำอีกครั้ง”
.
นอกจากแคมเปญนี้แล้ว Häagen-Dazs ยังได้ร่วมมือกับแบรนด์แฟชั่นสัญชาติสวีเดน Björn Borg เพื่อสร้างบรรจุภัณฑ์สั่งทำพิเศษสำหรับไอศกรีมรสสตรอว์เบอร์รี่อีกด้วย
.
6. ใช้กลยุทธ์การกำหนดราคา
ค่าใช้จ่ายกับพยายามในการค้นหาส่วนผสมใหม่ ๆ และสูตรอาหารใหม่ ๆ จากทั่วโลก ทำให้ต้นทุนในกระบวนการนั้นผลิตสูงขึ้น
.
นักการตลาดของ Häagen-Dazs มองว่าการกระทำเหล่านี้เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ Häagen-Dazs สามารถตั้งราคาให้สูงกว่าคู่แข่ง
.
ตัว Häagen-Dazs เข้าใจเป็นอย่างดีว่า การที่คู่แข่งตั้งราคาต่ำกว่าไม่ได้สร้างแรงกดดันการแข่งขันด้านราคาให้พวกเขาเลย
.
เพราะพวกเขาเชื่อว่าคุณค่าที่พวกเขามอบให้กับลูกค้านั้นมากกว่าคู่แข่งอย่างแน่นอน
7. ถึงแม้จะมีราคาสูงกว่าคู่แข่ง แต่พวกเขามีความคุ้มค่าส่วนอื่นที่เพิ่มเข้าไปแทน แถมเป็นส่วนผสมใหม่ที่ไม่เหมือนใคร ที่หายากและราคาค่อนข้างสูง
.
กลยุทธ์การกำหนดราคาแบบเพิ่มมูลค่านี้จะช่วยให้ Häagen-Dazs มีกำลังพอที่จะจัดหาวัตถุดิบที่ดีเพื่อมาผลิตสินค้า
.
และข้อดีอีกหนึ่งอย่างของกลยุทธ์นี้ก็คือ จะทำให้แบรนด์เข้าถึงตลาดเป้าหมายที่มุ่งเน้นผู้บริโภคในกลุ่มผู้ใหญ่ที่มีกำลังซื้อสินค้าราคาสูงได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
8. การเลือกสถานที่จัดจำหน่ายสินค้าตรงนี้ เราเคยสงสัยกันไหมครับว่า ทำไม Häagen-Dazs ถึงไม่มีวางขายตามร้านค้าแถวบ้านหรือร้านขายของชำใกล้ ๆ บ้านเรา ?
.
นั่นก็เป็นเพราะว่า Häagen-Dazs ได้กำหนดสถานที่ ที่จะวางขายสินค้าเอาไว้แล้ว โดยแบรนด์เลือกที่จะวางขายสินค้าบนห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ร้านบุฟเฟต์ชื่อดังหรือตามโรงแรมหรู ๆ
.
ซึ่งการวางสินค้าไว้ตามสถานที่ที่ดู แพง แบบนี้ จะสามารถยกระดับสินค้าและแบรนด์ให้มีความเป็น Luxury ได้อย่างเหลือเชื่อ
9. ใช้อิทธิพลของอินฟลูเอนเซอร์เข้าช่วยโปรโมตสินค้า
ในปี 2017 ของการแข่งขัน Wimbledon ผู้ดูแลการตลาดในส่วนแผนกอาหารว่างของบริษัท General Mills ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Häagen-Dazs มองว่า
.
“ผู้มีอิทธิพลจะเข้ามามีบทบาทสำคัญ” ในการช่วยผลักดันแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จักและมีส่วนร่วมกับผู้คนมากยิ่งขึ้น
.
Häagen-Dazs เองนอกจากจะดึง Grigor Dimitrov นักเทนนิสชื่อดังระดับโลกมาเป็น Brand Ambassador แล้ว ยังดึงผู้มีอิทธิพลรายย่อยที่มีผู้ติดตามจาก Instagram อยู่ส่วนหนึ่ง
.
หรือเป็นนักเทนนิสที่ต้องการเป็นพันธมิตรอย่างไม่เป็นทางการกับแบรนด์อย่าง Sloane Stephens หรือ Laura Robson มาร่วมด้วย
.
10. ตลอดการแข่งขัน Wimbledon ทางแบรนด์ได้ทำแคมเปญ Champion vs Challenger โดยนำนักเทนนิสที่มีฐานแฟนคลับเป็นจำนวนมากอย่าง Grigor Dimitrov มาสร้างเป็นเรื่องราวเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้คน
.
ทางแบรนด์ Häagen-Dazs ก็ได้หยิบยกไอศกรีมรสชาติคุกกี้แอนด์ครีมที่ Grigor Dimitrov โปรดปรานมาเป็นสัญลักษณ์ “ผู้ท้าชิง”
.
เพื่อดวลกับไอศกรีมรสสตรอว์เบอร์รี่ที่เป็นสัญลักษณ์ของ “แชมป์” ซึ่งเป็นรสที่ Stephens นักเทนนิสมือวางอันดับสี่ของโลกชอบรับประทาน
.
ทางแบรนด์ Häagen-Dazs มีการขอให้แฟนคลับ บอกเล่ารสชาติไอศกรีมที่ชื่นชอบของตัวเอง เพื่อกระตุ้นให้พวกเขารู้สึกมีส่วนร่วมในการสนับสนุนนักกีฬาที่ชื่นชอบ รวมถึงเป็นการแสดงออกในสิ่งที่ตนชื่นชอบอย่างรสชาติไอศกรีม
.
Arjoon Bose หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ Häagen-Dazs ได้กล่าวเอาไว้ว่า
“เราเปลี่ยนจากการออกอากาศกับอินฟลูเอนเซอร์ไปสู่รูปแบบของโซเชียลที่เราทำงานร่วมกับพวกเขา เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขามีฐานแฟนคลับที่ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมมากกว่าการขับเคลื่อนเพื่อชื่อเสียงและการเข้าถึงผู้คน”
จากตรงนี้จะเห็นได้เลยครับว่า การใช้อินฟลูเอนเซอร์เพื่อโปรโมตสินค้านั้น เป้าหมายไม่อาจจำกัดอยู่แค่การเข้าถึงผู้คนอีกต่อไป
.
แต่ต้องทำให้พวกเขารู้สึกมีส่วนร่วม เพราะมันจะกระตุ้นให้เกิดการการแนะนำ การบอกต่อหรือสนับสนุนสินค้า
.
และนี่จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ Häagen-Dazs ก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ Luxury ได้อย่างมั่นคงและเป็นที่ยอมรับจากคนทั่วโลก
.
ไหน…..มีใครในนี้เป็นแฟนไอศกรีมแบรนด์ Häagen-Dazs กันบ้างไหมครับ ถ้ามี แล้วรสไหนคือรสโปรดของคุณ ลองคอมเมนต์บอกกันหน่อยนะครับ เดี๋ยวผมจะไปซื้อมากินบ้าง…